น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ต่างได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดทุนสะสมมานานกว่า 3 ปี โดยเฉพาะปี 2564 ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยเพียง 67-68 บาทต่อกิโลกรัม สวนทางกับต้นทุนการเลี้ยงที่สูงถึง 78-80 บาทต่อกิโลกรัม ตามการประเมินของคณะอนุกรรมการต้นทุนของ Pig Board ยิ่งในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาสุกรตกต่ำอย่างมากในเดือนมีนาคม-เมษายน สุกรมีชีวิตราคาเคยลดลงไปต่ำสุดเพียง 56 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ผู้เลี้ยงต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ราคาสูงถึง 10-11 บาทต่อกิโลกรัม กากถั่วเหลืองราคาล่าสุดสูงกว่า 19.80 บาทต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจากสต็อกผู้ผลิตในต่างประเทศลดลง โดยต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ดังกล่าวคิดเป็น 70% ของต้นทุนการเลี้ยง ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 20-30% ตั้งแต่ต้นปี 2564
ที่สำคัญเกษตรกรยังเผชิญกับโรค
PRRS หรือโรคเพิร์ส ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้เลี้ยง ส่งผลให้แม่พันธุ์เสียหายกว่า 300,000 ตัว สุกรขุนสูญเสียมากถึง 30% และเกษตรกรต้องมีค่าบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันโรคระบาดในสุกร ด้วยการทำระบบ Biosecurity เพิ่มขึ้นอีก 300-400 บาทต่อตัว ทำให้เกษตรกรเกิดความกังวลต่อสถานการณ์โรคและต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้นต่อเนื่อง จึงตัดสินใจลดความเสี่ยงด้วยการหยุดเลี้ยง เข้าเลี้ยงช้าลง หรือเข้าเลี้ยงน้อยลงไม่เต็มกำลังการผลิต ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณการเลี้ยงสุกรในระบบเหลืออยู่เพียง 15.86 ล้านตัว ลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 30%
“ที่ผ่านมา
เกษตรกรต้องทนทุกข์ขาดทุนมา 7-8 เดือน ขายหมูราคาตกต่ำ 60-70 บาท มาตลอด แต่ไม่มีใครเหลียวแล วันนี้ยังต้องวิตกต่อสถานการณ์
โรคในหมู และโรคโควิด-19 ซ้ำยังมีปัญหาน้ำท่วมที่สร้
างความเสียหายแก่ฟาร์มเลี้ยงหมู
ในหลายพื้นที่ กว่าจะพลิกฟื้นฟาร์มให้กลั
บมาเลี้ยงหมูได้ต้องใช้เวลาไม่
ต่ำกว่า 2 เดือน และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยั
งพาเหรดขึ้นราคาไม่หยุด ขณะที่ความต้องการบริโภคกลั
บลดลงจากเดิม 22 กิโลกรัม/คน/ปี เหลือเพียง 16 กิโลกรัม/คน/ปี คิดเป็นปริมาณหมูขุน 5 ล้านตัว หรือลดลงถึง 38% กลายเป็นความกดดันที่มีต่อผู้
เลี้ยง จนต้องตัดสินใจชะลอการเลี้
ยงเพราะไม่กล้าเสี่ยง ราคาหมูเพิ่งจะได้ฟื้นแค่เดื
อนเดียว ตามกลไกตลาด และเพียงแค่ช่วยต่อลมหายใจคนเลี้
ยงเท่านั้น เกษตรกรทุกคนจึงอยากขอให้ทุกฝ่
ายเห็นใจและเข้าใจปัญหา
“เพราะคนเลี้ยงหมูมีอาชีพเดียว” ไม่สามารถเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่
นได้ แต่
ผู้บริโภคยังมีทางเลือก ทั้งเนื้อไก่ ไข่ไก่ หรือปลา ที่เป็นโปรตีนคุณภาพดีเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร สู้วิกฤตโควิด และวิกฤตอาชีพไปพร้อมๆกัน” น.สพ.วิวัฒน์ กล่าว
./สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ 90/141 หมู่ 15 ถนนบางนาตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 โทร.02-136-4797
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น