CHO ใส่เกียร์เดินหน้า! ลุยธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ตามโรดแม็พ CHO Tech Riders 2030 เซ็นเอ็มโอยูกับ AEM บริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ EV แบบยั่งยืนชนิดไม่ใช้แม่เหล็กและแร่หายาก (Rare Earth) ของประเทศอังกฤษ ในเวที COP26 ณ ประเทศอังกฤษ เพื่อนำมาใช้งานกับ E-trucks และ EV Taxi พร้อมศึกษาความเป็นไปได้สร้างฐานการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าในประเทศไทย
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) เปิดเผยว่า
จากการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่
26 หรือ “COP26” ณ ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 12
พฤศจิกายน 2564 ซึ่งมีประเทศสมาชิกจำนวน 197 ประเทศ
โดยมีวาระการประชุมเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก
ถือเป็นการประชุมที่สำคัญต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ
ยิ่งกว่าปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)
เพราะหากอุณหภูมิของโลกยังสูงขึ้นอย่างปัจจุบัน จะไม่มีใครสามารถหาที่อยู่อาศัยในโลกนี้ได้ ดังนั้นผู้นำของนานาประเทศที่เข้าประชุม
จึงประกาศและให้คำมั่นสัญญาที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกร่วมกันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
(Net Zero Emission) ในปี ค.ศ. 2050
สำหรับประเทศไทยนั้นประกาศเป้าหมายเป็นประเทศมีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon
Neutral) ภายในปี ค.ศ. 2050
และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)
ภายในปี ค.ศ. 2065
“จากแผน CHO
Tech Riders 2030 (Technology Riders) ของบริษัท
ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ได้มุ่งเน้นการก้าวสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า
(Electric Vehicle: EV) และในเวที COP 26
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 15.00 น. (เวลาในประเทศอังกฤษ) ทางบริษัท
ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
(MOU) กับ Advanced Electric Machines Ltd (AEM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่ใช้แม่เหล็กและแร่หายาก
(Rare Earth) กล่าวคือ
มอเตอร์ไฟฟ้าแม่เหล็กที่ผลิตทั่วไปในปัจจุบันนั้นจำเป็นต้องใช้แร่หายาก (Rare
Earth) ในกระบวนการผลิต ซึ่งได้จากการถลุงและต้องทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล
หรือกล่าวได้ว่า ยานยนต์มอเตอร์ไฟฟ้าแม่เหล็ก
มิใช่ผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อมของโลกที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ CHO ร่วมกับ AEM จะนำนวัตกรรมการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่ใช้แม่เหล็กและแร่หายาก
(Rare Earth) ซึ่งเป็นงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University
of Cambridge) ประเทศอังกฤษ ที่ได้มีผลิตออกเป็นสินค้าเรียบร้อยแล้ว
และนำมอเตอร์ชนิดดังกล่าวเข้ามาใช้กับรถไฟฟ้า E-trucks ของบริษัทฯ
เพื่อผลิตป้อนให้กับลูกค้า รวมถึงใช้กับ EV Taxi ของ ASIA
CAB ผู้ผลิตรถลอนดอนแท็กซี่ในนาม CABB Taxi
นอกจากนี้ใน MOU ระบุถึงการศึกษาความเป็นไปได้สร้างฐานการผลิตมอเตอร์ในประเทศไทย
ซึ่งมอเตอร์ชนิดนี้
ถือได้ว่าเป็นชนิดที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและชิ้นส่วนมอเตอร์ทุกชิ้นสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่
(Recycle) ได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นมอเตอร์เขียว (Green
EV Motors) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น