“วลัยพร ช่วยยก” เจ้าของร้านจำหน่ายข้าว ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ทำเป็นธุรกิจครอบครัวมาหลายปี กระทั่งผันตัวเองมาเปิดร้านไก่ย่าง กับธุรกิจห้าดาว จากจุดเริ่มต้นที่ลูกชายของเธอชอบรับประทานไก่ย่าง ประกอบกับตัวเธอเองเป็นคนที่ใส่ใจกับเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว จึงตั้งมาตรฐานกับอาหารสำหรับครอบครัวไว้ค่อนข้างสูง ไม่ใช่จะทานอะไรก็ได้ ดังนั้นเนื้อไก่ที่ลูกทานก็ต้องเป็นไก่ที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย ซึ่งแบรนด์เดียวที่เธอมั่นใจคือ “ไก่ย่างห้าดาว”
วลัยพรไม่รีรอที่จะติดต่อส่วนกลางของธุรกิจห้าดาวผ่านเบอร์ 02-800-8000 จากนั้นทีมงานห้าดาวในพื้นที่นครศรีธรรมราช ก็ติดต่อกลับเธอในทันที ตั้งแต่เข้ามาช่วยหาพื้นที่ในการเปิดร้าน การดูทำเลร้าน รวมถึงประสานงานกับพื้นที่ จนในที่สุดร้านห้าดาวสาขาแรก ที่หน้าร้านเซเว่นเปิดใหม่ หน้าอบต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงเริ่มต้นเปิดร้านในเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบกลาสเฮ้าส์ ที่ทันสมัย มีที่นั่งในร้านอย่างสะดวกสบาย จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก สาขานี้ขายดีอย่างที่ตั้งเป้าไว้
“ตอนที่เริ่มเปิดสาขาแรก ก็ไม่คิดว่าจะทำจริงจังขนาดนี้ แค่อยากให้เป็นธุรกิจเสริมเพื่อให้ลูกได้ทานไก่ย่างที่ได้มาตรฐาน แต่เวลาทำอะไรเราทุ่มเทอยู่แล้ว โดยเริ่มลงทุนทำเองตั้งแต่เริ่มต้น ทางห้าดาวให้ไปเรียน 5 วัน โดยให้ทีมงานไปด้วย 1 คน ได้เรียนรู้รูปแบบธุรกิจ การบริหารร้าน การจัดการสินค้า เทคนิคการขาย จากนั้นก็ลงมือเองทุกอย่าง เพื่อให้เราทำเป็นและในที่สุดคือสอนงานทีมงานได้ หลังจากใช้เวลาเรียนรู้ จนทีมงานพร้อมและทำได้เหมือนเรา หลังจากนั้นก็ปล่อยมือให้เขาทำกันเอง โดยเราดูแลให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด และย้ำกับทีมงานตลอดว่าต้องขายสินค้าที่ดี อร่อย และต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอ” วลัยพร กล่าว
เมื่อร้านแรกไปได้สวย จากนั้นร้านสาขาที่ 2 ก็ตามมา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพราะอยากให้ลูกทานไก่มาตรฐานเท่านั้น แต่วลัยพรกับสามีคิดตรงกันว่า การลงทุนทำร้านอย่างน้อยก็เป็นการสร้างงานในคนพื้นที่ ให้มีรายได้ มีงานทำ และยังทำให้คนในชุมชนได้รับประทานอาหารที่มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อมีพื้นที่เหมาะสม เธอจึงเปิดร้านอีกสาขาใกล้บ้าน จากแนวคิดที่ว่าหากซื้อบ้านหลังละล้านกว่าบาท แล้วให้คนมาเช่าก็จะได้ค่าเช่าเดือนละ 3-4 พัน แต่ถ้ามาลงทุนกับร้านห้าดาวหรือซุ้มไก่ย่าง ก็ยังมีกำไรหมุนเวียนต่อเนื่อง
“จากร้านห้าดาวร้านแรก ใช้เวลาเพียง 1 ปี 3 เดือน ในการขยายสู่ร้าน 11 สาขาในวันนี้ ทั้งสาขาที่นครศรีธรรมราช 10 สาขา และขยายสาขาไปที่พัทลุงอีก 1 สาขา ไปทำที่บ้านเกิดของเรา เพราะอยากให้มีร้านห้าดาว ให้คนในพื้นที่บ้านเราได้รับประทานอาหารที่มีมาตรฐาน และคนในชุมชนก็ได้มีงานทำด้วย ถือว่าเราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ทั้งเรื่องมาตรฐานอาหารที่ทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึง และการสร้างงานสร้างอาชีพด้วยธุรกิจห้าดาว” วลัยพร บอกอย่างมั่นใจ
สำหรับกุญแจของความสำเร็จ วลัยพรบอกว่า เกิดจากสินค้าที่มีมาตรฐานที่ดี ซึ่งตัวเธอมั่นใจกับซีพี เพราะเคยทำงาน FOOD Store ของข้าวตราฉัตร มานานกว่า 7 ปี เธอเชื่อมั่นในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท ที่มีการยกระดับมาตรฐานสินค้าที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งธุรกิจห้าดาวที่เป็นผู้นำในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหาร ที่มีการจัดการร้านและการจำหน่ายที่ดี ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นของบริษัท เมื่อผนวกกับการวางแผนการสั่งสินค้าที่เหมาะสม มีเทคนิคการขาย และการสร้างคนให้พร้อมในการทำงานเสมอ และเธอยังเข้าตรวจร้านทุกสาขา มีกล้องวงจรปิดที่สามารถสั่งการผ่านกล้องได้ ช่วยในการดูแลร้าน ดูการทำงานของทีมงานและลูกค้า ทำให้ธุรกิจทั้ง 11 สาขาของวลัยพรสำเร็จได้อย่างไม่ยาก
“ห้าดาวไม่ใช่แค่ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้เราเท่านั้น แต่ยังสร้างอาชีพให้คนในชุมชนอีกมากมาย ไม่เฉพาะร้านของเรา แต่หมายถึงธุรกิจแฟรนไชส์ห้าดาวทั่วประเทศ อีกกว่า 5,000 สาขา เชื่อว่าธุรกิจนี้จะกลายเป็นมรดกให้กับลูกๆได้ อย่างลูกคนโตอายุ 18 ปี ที่เริ่มเข้ามาเรียนรู้ธุรกิจต่อจากเราแล้ว ส่วนลูกคนเล็กอายุ 12 ปี ก็สนใจมาก โดยนำธุรกิจของแม่ ทั้งการบริหารงาน การดูแลการทำงานของทีมงาน ไปเสนอในวิชาเลือกธุรกิจที่โรงเรียน ถือว่าเป็นความภูมิใจของเขา สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจสิ่งที่ต้องมุ่งเน้น คือ ความจริงจังและซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่หวังกำไรอย่างเดียว ต้องเป็นผู้ให้คืนกลับสู่สังคมด้วย” วลัยพร กล่าวทิ้งท้าย./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น