บมจ.อาม่า มารีน (AMA) โชว์ผลงานงวด 9 เดือนปี 67 รายได้รวมแตะ 2,351.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.70 % มีกำไรสุทธิ 232.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.19 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน รับปัจจัยหนุนจากปริมาณการขนส่งคึกคัก อัตราค่าขนส่งสูงขึ้น ฟากผู้บริหาร “พิศาล รัชกิจประการ” ประเมินแนวโน้มผลงานโค้งสุดท้ายโดดเด่น รับไฮซีซั่นธุรกิจโลจิสติกส์ ล่าสุดเพิ่มรถบรรทุก 30 คัน รองรับปริมาณความต้องการขนส่งมากขึ้น ลุยขยายลงทุนธุรกิจใหม่ สร้างการเติบโตยั่งยืน มั่นใจปี 67 รายได้โตสวย
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) (AMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2.351.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.73 ล้านบาท หรือ 5.70 % และมีกำไรสุทธิ 232.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.53 ล้านบาท หรือ 6.19 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 218.59 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง มาจากธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะความสามารถในการขนส่งที่มีปริมาณสูงขึ้น จากการเพิ่มจำนวนรถขนส่งจากกลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้บริการการขนส่งผ่านรถขนส่งน้ำมันของ AMA คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% และลูกค้ารายอื่นมีความต้องการใช้รถขนส่งมากขึ้นด้วย ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น” นายพิศาล กล่าว
นายพิศาล กล่าวต่อว่า คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากมีการขนส่งน้ำมันพืชและเก็บสต็อกรอขายในช่วงเทศกาลในปริมาณสูงขึ้น ส่งผลให้ Utilization ของเรือมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 95% โดยปัจจุบันกองเรือบรรทุกน้ำมันมีจำนวน 8 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 86,466 เดทเวทตัน ขณะที่ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางบก ของบริษัทย่อย บริษัท เอ เอ็ม เอ โลจีสติกส์ (AMAL) ได้เพิ่มรถขนส่งจำนวน 30 คัน จากปัจจุบัน 304 คัน
“มั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้เติบโตกว่าปีก่อน แม้จะได้รับปัจจัยกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมันบ้าง แต่เราสามารถบริหารจัดการได้ ขณะที่การขนส่งทางบกคึกคักมากตาม ปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมองโอกาสการลงทุนใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ การสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ที่ผ่านมาเราได้ขยายการลงทุน เช่น รถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ หรือ Cold Chain ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และอื่นๆ โดยได้รับการตอบรับที่ดี รวมทั้งธุรกิจใหม่ๆ ด้านโลจิสติกส์ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ถือเป็นการเดินตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้านการขนส่งสินค้าทางบกเป็น 55% ในปี 68 จาก 45% ในปัจจุบัน” นายพิศาล กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น