บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR แถลงผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 3,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนหลักจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจสินเชื่อและการปรับปรุงอัตรากำไรสุทธิจากดอกเบี้ย (NIM) การเติบโตนี้สอดคล้องกับการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ของ TIDLOR ในด้านการกำหนดราคาตามความเสี่ยงและการปรับเปลี่ยนส่วนผสมของพอร์ตสินเชื่อ นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียม และรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนายหน้าประกันภัย
ในไตรมาส 3 ปี 2567 TIDLOR รายงานรายได้รวมเพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 990.6 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 102,699.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) การเติบโตส่วนใหญ่มาจากการใช้งานบัตร TIDLOR ที่เพิ่มขึ้นและการนำบริการโอนเงินเพื่อกู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน NTL มาใช้เพิ่มมากขึ้น บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 1.88% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี กำหนดเกณฑ์ไว้ที่ 2% นอกจากนี้ อัตราส่วนความคุ้มครอง NPL ของ TIDLOR ยังคงแข็งแกร่งที่ 230.6%
ธุรกิจนายหน้าประกันยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเบี้ยประกันวินาศภัยแตะ 2,376.7 ล้าน บาท ในไตรมาส 24 เพิ่มขึ้น 15.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตนี้ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์ม InsurTech ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ TIDLOR ซึ่งได้รับการพัฒนามานานกว่า 10 ปี ทศวรรษที่จะขับเคลื่อนธุรกิจนายหน้าประกันภัย แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้มีผลิตภัณฑ์และช่องทางที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม บริษัทดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัยภายใต้แบรนด์ “Shield Insurance” (เดิมชื่อ Prakan TIDLOR) ซึ่งปัจจุบันคือ ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการให้คำปรึกษาด้านประกันภัยแบบพบหน้าผ่านพนักงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คนใน 1,747 สาขาของ TIDLOR ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2024) แบรนด์ “Areegator” นำเสนอแพลตฟอร์มประกันภัยออนไลน์ผ่านเครือข่ายนายหน้าประกันภัยที่มีสมาชิกมากกว่า 9,000 ราย สร้างขึ้นจากหลักการของความโปร่งใส ความเห็นอกเห็นใจ และการเติบโตร่วมกัน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ดิจิทัล 'heygoody' ยังช่วยให้ลูกค้าซื้อประกันภัยได้โดยตรงทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยให้ความคุ้มครองทันทีโดยไม่ต้องมีพนักงานขายทางโทรศัพท์
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฏ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรที่ดี โดยได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรสุทธิจากดอกเบี้ย (NIM) ที่เพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มั่นใจในความสามารถของบริษัทฯ ที่จะรักษาอัตราส่วน NPL เอาไว้ได้ ภายในเป้าหมาย 2% โดยสังเกตว่าอัตราส่วน NPL ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีระดับการกันสำรองที่แข็งแกร่ง เมื่อมองไปข้างหน้า บริษัทคาดการณ์การเติบโตต่อไปในปริมาณสินเชื่อใหม่และการขยายตัวในธุรกิจนายหน้าประกันในไตรมาสหน้า
บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ ดำเนินงานภายใต้กรอบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด รักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมในขณะที่บริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ TIDLOR ยังคงรักษาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและรักษาอันดับเครดิตไว้ที่ “A/ “คงที่” จาก TRIS Rating ซึ่งเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม
ในส่วนของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง คาดว่าการแลกหุ้น (Tender Offer) จะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 ถึงต้นปี 2025 โดยคาดว่า Tidlor Holdings จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2025 บริษัทจะแจ้งข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมให้ผู้ถือหุ้นทราบเมื่อได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดของ TIDLOR ได้ที่ www.tidlorinvestor.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น