“พิชัย” ปาฐกถาพิเศษ ย้ำ ไทย-จีน หุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญ มั่นใจ รัฐบาลนายกแพทองธาร ทำเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายการค้า การลงทุน ส่งออกสินค้าเกษตร มัน ทุเรียนไปจีนMOC - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“พิชัย” ปาฐกถาพิเศษ ย้ำ ไทย-จีน หุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญ มั่นใจ รัฐบาลนายกแพทองธาร ทำเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายการค้า การลงทุน ส่งออกสินค้าเกษตร มัน ทุเรียนไปจีนMOC

 


“พิชัย” ปาฐกถาพิเศษ ย้ำ ไทย-จีน หุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญ มั่นใจ รัฐบาลนายกแพทองธาร ทำเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายการค้า การลงทุน ส่งออกสินค้าเกษตร มัน ทุเรียนไปจีน



นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Dinner Talk “50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชนไทย-จีนเข้าร่วม อาทิ นายอู๋ จื้ออู่  อุปทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายเจ้า เมิ่ง เทา ที่ปรึกษาด้านกิจการการเมือง สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พล.อ. วิชิต ยาทิพย์ รองประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนฯ และผู้บริหารระดับสูงจากธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) จำกัด และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์


นายพิชัย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีนเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน ไทยยังคงเดินหน้าส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ควบคู่กับการยกระดับความร่วมมือในประเด็นการค้าสมัยใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสีเขียว


รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% และแม้จะมีความท้าทายจากภาระหนี้ แต่ก็มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะด้านการส่งออก เห็นได้จากในช่วง 8 เดือนภายใต้การบริหารของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร การส่งออกไทยเติบโตถึง 13.3% ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา รวมถึง 5 เดือนแรกของปี 2568 ที่การส่งออกเติบโตถึง 14.9% โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมขยายตัวถึง 18.4% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตอันดับต้นของโลก


นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งออกที่เติบโตไม่ใช่เพียงเพราะแรงสนับสนุนจากสถานการณ์ภายนอกเท่านั้น แต่เกิดจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 2.58 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความมั่นคงในภาคการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะการลงทุนจากจีนในภาคเทคโนโลยีขั้นสูง


นายพิชัยกล่าวว่า ในด้านความร่วมมือกับจีน ไทยยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับประเด็นด้านการค้าหลายด้าน เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้อยคุณภาพ และนอมินี การนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยถึง 9.20 ล้านตันหัวมันสด (คิดเป็น 3.87 ล้านตันมันเส้น) มูลค่า 23,765 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบจากราคาตลาดโลก และความร่วมมือในการส่งออกทุเรียนไทย ซึ่งจีนให้ความร่วมมือในการลดอัตราการตรวจสอบลงเหลือ 30% และเปิดโอกาสให้ล้งที่มีคุณภาพสามารถส่งออกได้มากขึ้น


นอกจากนี้ ยังหารือถึงแนวทางในการลดความเหลื่อมล้ำทางการค้า โดยขอให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าไทยเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ซึ่งปัจจุบันไทยขาดดุลจีนมากกว่า 1.7-1.8 ล้านล้านบาทต่อปี รวมถึงการเร่งใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาเซียนและจีนได้สรุปผลการเจรจายกระดับความตกลง ACFTA หรือ ACFTA 3.0 ได้แล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา และการใช้ประโยชน์จากความตกลง FTA ฉบับอื่น เช่น กับอียู ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ภายในปีนี้


ไทยยังมุ่งหวังให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, ดาต้าเซ็นเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ โดยปัจจุบันมีการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกทั้งจากจีนและสหรัฐฯ เข้ามาในไทย เช่น TikTok ที่ประกาศลงทุนในไทยมูลค่า 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนจากสหรัฐฯ ในดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 5 พันล้านเหรียญ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาค


นายพิชัย  กล่าวในช่วงท้ายว่า ไทยในฐานะประเทศขนาดเล็ก จำเป็นต้องใช้ “ศาสตร์และศิลป์” ในการเจรจาและดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างจีนและสหรัฐฯ และนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนจะยังคงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลและพลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืน


ซึ่งจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนอยู่ที่ประมาณ 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวขึ้นจากปีก่อนถึง 24.2%


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad