ETIX Everywhere ลงทุนเปิดตัวศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ “ETIX BKK#2”
ดีมานด์พุ่งรับกระแส AI ย้ำไทยมีศักยภาพแซงอินโดนีเซีย
ETIX Everywhere ผู้ให้บริการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ประกาศเปิดตัวศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 เปิดตัว “ETIX BKK#2” สร้างขึ้นบนที่ดินขนาด 27,000 ตารางเมตร มีพื้นที่อาคารกว่า 16,000 ตารางเมตร และพร้อมให้บริการด้าน IT เพิ่มเติมอีก 23 เมกะวัตต์ รับดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการใช้งาน AI พุ่ง ชี้ชัดไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาค แซงหน้าอินโดนีเซียแล้ว พร้อมมุ่งสู่ยุคใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI เต็มตัว
นายปิแอร์ ปาทริส ซีอีโอ ประจำภูมิภาคเอเชียของ ETIX Everywhere ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสากล เปิดเผยว่า ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งแคมปัสได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับ งานประมวลผลความหนาแน่นสูง (High-Density Computing) เช่น งานด้าน AI, การประมวลผลกราฟิก (GPU) และระบบคลาวด์ขนาดใหญ่บนที่ดินขนาด 27,000 ตารางเมตร มีพื้นที่อาคารกว่า 16,000 ตารางเมตร โดยศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่เข้มข้นเป็นพิเศษ รองรับพลังงานได้สูงถึง 150 กิโลวัตต์ต่อแร็ค พร้อมระบบระบายความร้อนที่หลากหลาย ทั้งแบบลม แบบของเหลว และแบบแช่ในของเหลว (immersion cooling) เพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบ IT แบบเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ
“การพัฒนา ETIX BKK#1 เป็นไปอย่างก้าวกระโดด เราเพิ่มกำลังการให้บริการขึ้นถึง 6 เท่าในเวลาเพียง 3 ปี ขณะนี้เรามีความจุพร้อมให้ใช้งานทันทีอีก 2 เมกะวัตต์ และการเปิด ETIX BKK#2 พร้อมอีก 23 เมกะวัตต์ก็ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่ง จุดแข็งสำคัญคือ ETIX BKK#2 ตั้งอยู่ติดกับอาคารเดิม ลูกค้าสามารถใช้ระบบโทรคมนาคม ระบบไฟเบอร์ และระบบสนับสนุนอื่นๆ ร่วมกันได้ทั้งหมด เหมือนอยู่ในอาคารเดียวกัน ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนในการขยายระบบ” นายปิแอร์กล่าว
อย่างไรก็ดีการเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นควบคู่กับการเผยแพร่สมุดปกขาว (White Paper) เรื่อง “แนวโน้มศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ปี 2568” ซึ่ง ETIX Everywhere จัดทำร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทชั้นนำ ได้แก่ Schneider Electric, CommScope, DC Byte และ Cushman&Wakefield
โดยชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยการขยายกำลังการให้บริการอย่างรวดเร็ว การลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก (hyperscaler) ที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปสู่โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาจากการเสวนาระดับสูงที่จัดโดย Etix Everywhere ในงาน BKNIX Peering Forum ซึ่งรวบรวมผู้นำความคิดจากทั่วโลกมาร่วมวิเคราะห์บทบาทที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยในเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลสำคัญคือ
ไทยแซงหน้าอินโดนีเซีย ในแง่ของกำลังการให้บริการที่ใช้งานอยู่ โดยมีมากกว่า 150 เมกะวัตต์ และอีกกว่า 500 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างการพัฒนา
แนวโน้มการใช้งานเปลี่ยนไปสู่ระบบที่ใช้ GPU หนาแน่น เช่น AI และ Machine Learning ทำให้ต้องใช้แร็กแบบกำลังไฟสูง และระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังกลายเป็นศูนย์กลางด้านการฝึก AI การจัดเก็บข้อมูลชั่วคราว และเป็นที่ตั้งของแคมปัสดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ของบริษัทระดับโลก
นักลงทุนได้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษของ BOI รวมถึงความยืดหยุ่นในการถือครองกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ และการเข้าถึงระบบพลังงานและไฟเบอร์ที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า
ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ โดยศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ตั้งเป้าค่า PUE (ค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน) ต่ำกว่า 1.4 มีการใช้พลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ และเริ่มมีการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) เพื่อใช้ควบคู่กับพลังงานสะอาด
🎥 รับชมเวทีเสวนาย้อนหลัง
ชมการสนทนาเชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญจาก 4 บริษัทชั้นนำ ได้แก่ Chriz Lam (Schneider Electric), Matias Peluffo (CommScope), Nicole Seah (DC Byte), และ Nita Athakaiwalvathi (Cushman & Wakefield):
👉 https://www.youtube.com/watch?v=apcvTqhGiUU
📄 ดาวน์โหลดสมุดปกขาวฉบับเต็มได้ที่นี่:
👉 https://hubs.ly/Q03zWz7P0
🎙️ เปิดรับสื่อสัมภาษณ์ / ให้ความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
ทีมงาน ETIX พร้อมให้สัมภาษณ์ ให้ความเห็นเชิงผู้เชี่ยวชาญ หรือจัดบรรยายส่วนตัวให้กับสื่อที่สนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น