บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) ประกาศความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการ “โซลาร์ฟาร์มชุมชน” ตามนโยบายรัฐ ชูศักยภาพครบทุกด้าน ทั้งเงินทุน–ที่ดิน–ทีมงานมืออาชีพ เดินหน้าขยายโครงการพลังงานหมุนเวียน พร้อมเสริมความหลากหลายรายได้ระยะยาว หนุนเติบโตอย่างยั่งยืน
ฟากผู้บริหาร "ดร.แคทลีน มาลีนนท์"ระบุปิดดีลโรงไฟฟ้าขยะ 9.9 MW เรียบร้อยแล้ว มูลค่า 2.4 พันล้านบาท เสริมความแข็งแกร่ง ลุยสร้าง New S-Curve
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TSE) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯมีความพร้อมเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนตามนโยบายของภาครัฐฯ ในทุกมิติ ทั้งด้านแหล่งเงินทุน ที่ดิน และทีมงานที่มีประสบการณ์ มุ่งมั่นพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนบนหมุนเวียนรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างความหลากหลายของแหล่งรายได้และลดความผันผวนของผลประกอบการในระยะยาว อีกทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน เพื่อมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ดำเนินการปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ขนาดติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้า 8.0 เมกะวัตต์ ผ่านบริษัทย่อย ไทย คอมมูนิตี้ เอ็นเนอร์ยี่ (TCE) ในการเข้าซื้อหุ้น 100% ใน บริษัท พาวเวอร์ เอซ วัน (PACE1) มูลค่าลงทุนทั้งในส่วนของหุ้นสามัญ ที่ดิน อุปกรณ์ และการก่อสร้างรวมกว่า 2,400 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา กับ อบต.คอรุม จังหวัดอุตรดิตถ์ ระยะเวลาสัมปทาน 28 ปี 6 เดือน ทั้งนี้การก่อสร้างจะเป็นการทยอยลงทุนก่อสร้าง ภายหลังได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากทางภาครัฐ เพื่อสร้างความหลากหลายของแหล่งรายได้และลดความผันผวนของผลประกอบการในระยะยาว
สำหรับการลงทุนดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของ TSE ในการต่อยอดสู่ธุรกิจ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero Emission ของประเทศในปี 2050 โดยนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะจาก จังหวัดอุตรดิตถ์ และบางพื้นที่ของ จังหวัดสุโขทัยแล้ว ยังช่วยลดการฝังกลบขยะ ลดการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติด้านสังคม (Social) ผ่านการสร้างโอกาสการจ้างงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนโดยรอบ อันจะนำไปสู่การเติบโตที่มั่นคงและสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมในระยะยาว
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้รวม 1,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% มี EBITDA รวม 497 ล้านบาท และรับรู้กำไร 100 ล้านบาท โดยหลักมาจากการบริหารโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และชีวมวลอย่างมีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง (Repowering, Replacement and Upgrade Efficiency) รวมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจสุขภาพเต็มปี
ปัจจุบัน TSE ดำเนินโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งสิ้น 62 โครงการ กำลังการผลิตรวม 382.86 เมกะวัตต์ โดยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 34 โครงการ (153.8 เมกะวัตต์) และอยู่ระหว่างพัฒนาในโครงการ Solar Big Lot Phase 1-2 อีก 28 โครงการ (229.06 เมกะวัตต์) ซึ่งจะเริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ระหว่างปี พ.ศ. 2570-2573
กลุ่มบริษัทฯได้ขยายพอร์ตการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างธุรกิจสุขภาพ โดยปัจจุบันได้เริ่มจากศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยาก (IVF) และได้วางแผนเข้าสู่ธุรกิจ Wellness ความงาม และเภสัชกรรมในอนาคตเพื่อรองรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่มีมูลค่าตลาด (Market share) ในประเทศไทยกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อสร้าง New S-Curve และเสริมฐานรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทระยะยาวต่อไป
“TSE มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ และบริหารต้นทุนโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ๆและธุรกิจสุขภาพอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้ผู้ถือหุ้น” ดร.แคทลีน กล่าวในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น