6 อาหารต้องห้าม! ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดรับประทานไม่ได้ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

6 อาหารต้องห้าม! ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดรับประทานไม่ได้



 โรคหอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก และไอ เพราะฉะนั้นการดูแลสุขภาพ และการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีอาหารบางชนิดที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบได้? เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 6 อาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบในบทความนี้กัน 

โรคหอบหืด คืออะไร 

โรคหอบหืด เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลม ทำให้หลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งกระตุ้น หลอดลมจะตีบตันลง ทำให้การหายใจเป็นไปอย่างยากลำบาก ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก ไอ และหายใจลำบาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือเช้าตรู่

โดยโรคนี้สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักเริ่มแสดงอาการตั้งแต่วัยเด็ก อาการของโรคอาจรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่บ่อย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงและบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก 

สาเหตุของโรคหอบหืด มีอะไรบ้าง 

การเกิดโรคหอบหืดนั้นมีสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่

  1. กรรมพันธุ์ มีการถ่ายทอดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มาจากบิดา มารดา หรือทั้งสองท่าน ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป
  2. ปัจจัยจากสภาพแวดล้อม มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหอบหืด เช่น มลภาวะในอากาศ สารก่อภูมิแพ้ และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในบ้าน บางการศึกษาพบว่าสภาพแวดล้อมที่ “สะอาดเกินจำเป็น” อาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ได้รับการกระตุ้นอย่างเพียงพอ ทำให้มีโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการหอบหืด เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การออกกำลังกายหนัก ความเครียด และการสัมผัสกับสารระคายเคืองต่าง ๆ รวมถึงอาหารบางชนิดที่เราจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป

6 อาหารที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหอบหืด

อาหารจำพวกถั่ว

ถั่วเป็นหนึ่งในอาหารที่ผู้ป่วยโรคหอบหืดควรระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ถั่ว เนื่องจากการแพ้ถั่วอาจนำไปสู่การเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบได้ ซึ่งถั่วที่มักก่อให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง และถั่วชนิดอื่น ๆ ผู้ป่วยควรสังเกตอาการของตนเองหลังรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของถั่ว และปรึกษาแพทย์เพื่อทำการทดสอบการแพ้อาหารหากสงสัย

อาหารแปรรูป

อาหารแปรรูปมักอุดมไปด้วยสารกันบูด สารแต่งสี และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารกันบูดประเภทซัลไฟต์ที่มักพบในอาหารแปรรูป เช่น เนื้อแปรรูป ผลไม้แห้ง และเครื่องดื่มบางชนิด นอกจากนี้ อาหารแปรรูปมักมีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและบวมในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้อาการหอบหืดแย่ลงได้

ผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม

แม้ว่านมและผลิตภัณฑ์จากนมจะเป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญ แต่สำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดบางราย อาหารเหล่านี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพ้นมวัวหรือแพ้โปรตีนในนม การบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมอาจทำให้เกิดการผลิตเสมหะมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้หายใจลำบากและกระตุ้นอาการหอบหืด ผู้ป่วยควรสังเกตอาการของตนเองและปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการลดหรืองดบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมหากจำเป็น

อาหารที่มีความเย็น

อาหารและเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิต่ำมาก เช่น ไอศกรีม น้ำแข็ง หรือเครื่องดื่มเย็นจัด อาจกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดในผู้ป่วยบางราย เนื่องจากการบริโภคอาหารเย็นจัดอาจทำให้หลอดลมตีบตันและเกิดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม ส่งผลให้หายใจลำบากและเกิดอาการหอบหืดได้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เย็นจัดเกินไป และเลือกรับประทานอาหารที่มีอุณหภูมิปานกลางแทน

น้ำอัดลม

น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ผู้ป่วยโรคหอบหืดควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิดที่อาจกระตุ้นอาการหอบหืด เช่น สารกันบูด สารแต่งสี และคาเฟอีน นอกจากนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำอัดลมยังอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ซึ่งส่งผลให้กะบังลมยกตัวสูงขึ้นและกดทับปอด ทำให้หายใจลำบากมากขึ้น ผู้ป่วยควรเลือกดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแทน เช่น น้ำผักผลไม้สด หรือชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน

ผลไม้บางชนิด

แม้ว่าผลไม้ส่วนใหญ่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้ป่วยโรคหอบหืดควรระมัดระวังในการรับประทานผลไม้บางชนิด โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง เช่น ส้ม มะนาว และสับปะรด เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจและทำให้อาการหอบหืดกำเริบได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้ผลไม้บางชนิด เช่น กีวี่ สตรอว์เบอร์รี หรือแอปเปิล ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอาการหอบหืดได้เช่นกัน ผู้ป่วยควรสังเกตอาการของตนเองและปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกในการรับประทานผลไม้ที่เหมาะสม

วิธีการดูแลตัวเองไม่ให้อาการกำเริบ

นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการแล้ว ผู้ป่วยโรคหอบหืดยังสามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบได้ด้วย ดังนี้ 

  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากน้ำหนักเกินอาจส่งผลต่อระบบหายใจ
  • ออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้ระบบหายใจมีความแข็งแรงมากขึ้น เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ
  • หลีกเลี่ยงสถานที่หรือสารที่อาจก่อให้เกิดอาการหอบหืด เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ หรือมลพิษทางอากาศ
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้ยาพ่นอย่างถูกวิธี
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้อาการหอบหืดแย่ลง
  • ไม่อยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำหรือสูงเกินไป เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เกิดอาการหอบได้
  • รักษาสุขภาพจิตและควบคุมความเครียด เพราะความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืด

หากมีอาการเป็นหวัดหรือไข้ ควรได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบ

สรุป

โรคหอบหืด เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมโรค ผู้ป่วยควรระมัดระวังในการบริโภคอาหารจำพวกถั่ว อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารเย็นจัด น้ำอัดลม และผลไม้บางชนิดที่อาจกระตุ้นอาการ นอกจากนี้ ยังต้องการดูแลสุขภาพโดยรวม และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และในกรณีที่อาจเผลอรับประทานอาหารที่ไม่ทราบถึงส่วนผสมเข้าไป หรืออยู่ในที่ที่มีฝุ่นเยอะจนอาการกำเริบขึ้นมา ควรมีที่พ่นยาหอบติดบ้านไว้ เพื่อใช้บรรเทาอาการ และสำหรับใครที่กำลังมองหาที่พ่นยา คุณภาพดี ต้อง OMRON แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ห่วงใยคุณ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป หรือช่องทางออนไลน์ทั้งใน OMRON Healthcare (Thailand) Shopee และ Lazada

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad