กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เร่งจัดทำแผนงบฯ ปี 69 รับมือสงครามการค้า หนุนเอสเอ็มอี ปรับตัวใน 7 ด้าน พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ตลอดจนการยกระดับผู้ประกอบการ ชิ้นส่วนยานยนต์ไทยให้เข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (xEV)
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังการประกาศนโยบายการค้าและเศรษฐกิจ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ดีพร้อมได้มีการจัดทำแผนรับมือกับสงครามการค้า
ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (เอสเอ็มอี) โดยบรรจุแผนดำเนินการเหล่านี้ในคำขอโครงการปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ
หรือมีความเสี่ยงสูง เพื่อให้ปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2569 ดีพร้อมจะมุ่งส่งเสริม “Learning & Adaptation เรียนรู้
และปรับตัว” พัฒนาองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ทรัพย์สินทางปัญญา ข้อกำหนดใหม่ กฎระเบียบการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ด้านการตลาดดิจิทัล การบริหารจัดการ
ยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยี การบริหารความเสี่ยง แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) และเรียนรู้แนวทาง
การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริม “การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ” เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวใน 7 ด้าน ได้แก่
1. ส่งเสริมกระจายความเสี่ยงจากตลาดเดียว โดยลดการพึ่งพาตลาดส่งออกตลาดเดียว หาตลาดใหม่ และใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด 2. ยกระดับมาตรฐานสินค้า ซึ่งจะผลักดันให้เอสเอ็มอี
ยกระดับมาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
และดิจิทัล ในการปรับโมเดลธุรกิจและเข้าร่วมแพลตฟอร์มระหว่างประเทศ 4. บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการปรับกระบวนการผลิตให้ประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร และลดความสูญเสีย 5. ติดตามข่าวสาร
และวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงนโยบาย โดยการติดตามสถานการณ์ ประเมินผลกระทบต่อสินค้าและธุรกิจ
6. เตรียมความพร้อมด้านกฎระเบียบและกติกาสากล โดยการทำความเข้าใจกฎ และมาตรการทางการค้า
ของประเทศปลายทาง และ 7. ส่งเสริมการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนของภาครัฐ
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งเน้นในสาขาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะ
กลุ่มที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ประเทศคู่แข่งโดนภาษีต่ำกว่า และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากตลอดห่วงโซ่การผลิต
เป็นต้น
นางสาวณัฏฐิญากล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม
ที่ได้รับผลกระทบสงครามการค้า ดีพร้อมจะให้ความสำคัญกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นอันดับแรก ทั้งในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ และการเข้าให้คำปรึกษาในสถานประกอบการ นอกจากนี้ จะเร่งพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศที่ต้องการเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน จะเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตชิ้นส่วนให้สามารถรองรับการขยายตัวของการผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV และ mild HEV) ในอนาคต ซึ่งมาพร้อมกับการลงทุนผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้าสำคัญ (e-Parts) ใหม่ๆ ในประเทศหลายชิ้น เช่น Battery, Traction Motor และ Inverter เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น