กรุงเทพฯ
- บมจ. ดีโอดี ไบโอเทค หรือ “DOD” ผงาดฟอร์มแกร่ง โชว์ผลงานไตรมาส 2/2568 พลิกจากขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 171.19 ล้านบาท เปลี่ยนเป็น กำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 9.58 ล้านบาท โตกระฉูด 105.60% เกิดจากปรับโครงสร้างกิจการ และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร “ต่อลาภ ไชยเชาวน์” ส่งสัญญาณบวก ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งเพราะหนี้สินต่อทุนต่ำ และมีสภาพคล่องสูง พร้อมแข่งขันในระยะยาว ปูทางรองรับโอกาสใหม่ๆ หนุนการเติบโตในอนาคตทั้งฐานการผลิตและฐานการค้าปลีก
นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างของกิจการมาอย่างต่อเนื่อง โดยการหยุดการดำเนินงานบริษัทย่อยที่มีผลขาดทุน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสำหรับงวดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำไรส่วนของบริษัทใหญ่เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งไตรมาสที่ 2 และ หกเดือนแรกของปี (YoY) ประกอบกับบริษัทฯ มีการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพโดยการขายทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง รวมทั้งมีสภาพคล่องที่สูง แสดงถึงความพร้อมที่จะแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 9.58 ล้านบาท เติบโต 105.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีผลขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 171.19 ล้านบาท โดยมีกำไรสำหรับงวดการดำเนินงานต่อเนื่อง 10.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.98 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 361.24% (YoY) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 7.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.50 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 137.08% (YoY)
ผลประกอบการ 6 เดือนแรก ปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 36.79 ล้านบาท เติบโต 121.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีผลขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 170.93 ล้านบาท โดยมีกำไรสำหรับงวดการดำเนินงานต่อเนื่อง 27.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 155.32% (YoY) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 23.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 219.82% (YoY)
อีกทั้ง บริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพราะมีอัตราหนี้สินต่อทุน (DE) เพียง 0.19 เท่า และมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากอัตราเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio) อยู่ที่ระดับ 3.98 เท่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น