สถิติโรคร้ายและสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า เกี่ยวข้องกับโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมากที่สุด อาทิ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคตับแข็ง หรือแม้กระทั่งภาวะอ้วนลงพุงก็ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่โรค NCDs เช่นกัน โดยโรคดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า มากกว่า 76% ของสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยล้วนมาจากโรค NCDs ทั้งสิ้น
แนวโน้มโรคร้ายที่เกิดขึ้นนำไปสู่การเติบโตของเทรนด์ออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการสำรวจของ
กรมพลศึกษา พบว่า คนไทยมีแนวโน้มหันมาออกกำลังกายสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ออกกำลังกายมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ กลุ่มนี้มีอัตราเติบโตขึ้นเป็น 44.4% จาก 40.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังลงรายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมด้วยว่า กระแสการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมในขณะนี้จะเน้นไปที่การเสริมความแข็งแรง ปรับบุคลิกภาพ และฟื้นฟูร่างกาย เช่น พิคาทิสและโยคะ โดยเฉพาะ ‘พิลาทิส’ ที่ติดโผคำค้นหาในอินเทอร์เน็ต กลายเป็นเทรนด์ที่ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนว่า ขณะนี้ตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงจากฟิตเนสรูปแบบดั้งเดิม ไปสู่การออกกำลังกายเฉพาะทางมากขึ้น
สอดคล้องกับการเติบโตของ BellyBurn Pilates Lab ที่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของ
นางสาวณณาลัลน์ ธนัทสุทธิโรจน์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท เบลลี่ เบิร์น จำกัด ร่วมด้วย นางสาวพุธิตา ปานมั่น หุ้นส่วน
บริษัทเบลลี่ เบิร์น จำกัดทั้ง 2 คนผ่านการฝึกฝนและพัฒนาการออกกำลังกายในรูปแบบพิลาทิสมานานหลายปี จนนำไปสู่ BellyBurn Pilates Lab สาขาแรกย่านรัชดาภิเษก กระทั่งได้ฤกษ์เปิดสาขาที่ 2 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โลเคชันใจกลางเมือง
ที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์และจุดยืนแบบพรีเมียม ด้วยการนำเสนอสเปซ คอมมูนิตี้ ที่มากกว่าสตูดิโอออกกำลังกาย ให้ทั้งแสง สี เสียง ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่านคอนเซปต์ “Feel the FIRE, savor the SWEET”
นางสาวณณาลัลน์ ธนัทสุทธิโรจน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบลลี่ เบิร์น จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์ออกกำลังเปลี่ยนไป
จากออกกำลังเพื่อสุขภาพเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ผู้คนออกกำลังเพราะอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขไปพร้อมกัน
ไม่ได้ทำเพราะเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน แต่มองว่า เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ไปแล้ว ทั้งยังคำนึงถึง ‘Longevity’ หรือความแข็งแรงในระยะยาว ที่จะทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพในทุกช่วงวัย
“ปัจจุบันพิลาทิสได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนทำงานในเมือง เพราะตอบโจทย์ทั้งการสร้างความแข็งแรงอย่างลึกซึ้ง (Deep Strength & Control) และช่วยรีเซตสมดุลของร่างกายจากการนั่งทำงานนานๆ หรือใช้ชีวิตเร่งรีบ และที่สำคัญพิลาทิสไม่ใช่แค่การออกกำลัง ไม่ใช่แค่การยืดเหยียด แต่เป็นการเชื่อมโยงระบบทั้งร่างกาย เน้นการใช้ ‘Power House’ สู่กล้ามเนื้อทุกมัดผ่านการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง และเป็น ‘Mind-body Connection’ ที่ช่วยให้คนรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น”
จุดเด่นและความแตกต่างของ BellyBurn Pilates Lab คือการวางจุดยืนตัวเองในฐานะ ‘คลับ’ มากกว่า ‘สตูดิโอ’
ให้ทั้งคอมมูนิตี้ และประสบการณ์แบบ ‘Immersive’ ด้วยแสง สี เสียง สำหรับสาขาเซ็นทรัลเวิลด์มีการออกแบบร่วมกับ ‘MOL Studio’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Pink Lava’ หรือภูเขาไฟสีชมพู มีนัยถึงการเบิร์นเผาผลาญพลังงาน จนเกิดเป็น ‘Pink Lava’ หรือเหงื่อและสารแห่งความสุข เชื่อว่า ความแข็งแรง เข้มข้น การรักตัวเอง และความสุขต้องอยู่ด้วยกันเสมอ โดยสาขานี้ BellyBurn Pilates Lab ใส่ใจอย่างเต็มที่ โดยเน้นคุณภาพในทุกรายละเอียด และยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ พร้อมทั้งภูมิใจในตัวเองทุกครั้งที่มาในพื้นที่แห่งนี้
BellyBurn Pilates Lab ประกอบไปด้วยพื้นที่ภายในที่มีห้องออกกำลังกาย 2 ห้อง ได้แก่ ห้องสำหรับคลาส Mat Pilates และห้องสำหรับคลาส Caformer ความพิเศษของคลาสนี้อยู่ที่การนำเครื่อง Caformer มาใช้สำหรับคลาสแบบกลุ่มครั้งแรกในไทย พร้อมกับใช้แสง สี เสียง ปรับมู้ดแอนด์โทนคลาสออกกำลังให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ ‘Immersive Experince’ นอกจากนี้
ทั้งสองห้องสามารถเปิดเชื่อมถึงกันได้ มีโซนต้อนรับที่ถูกออกแบบให้เป็นจุดพักผ่อน พูดคุยกัน เหมือนกับคอมมูนิตี้ขนาดย่อมๆ
ทั้งยังจับมือร่วมกับ THREE Cosmetics บิวตี้แบรนด์ชั้นนำระดับโลก เพื่อออกแบบประสบการณ์ครบวงจร ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไปจนถึงการสร้างกลิ่นภายในสตูดิโอด้วยกลิ่นหอมชาอ่อนๆ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ FitFlop รองเท้าแตะสัญชาติอังกฤษ
ที่มาช่วยเสริมภาพลักษณ์ของทีมงานและพนักงานภายในสตูดิโอ โดย FitFlop โดดเด่นด้วยการผสมผสานแฟชั่นเข้ากับวิทยาศาสตร์การสวมใส่ระดับโลก ทำให้ได้รองเท้าที่ทั้งสวยงาม ทันสมัย และใส่สบาย เหมาะกับการทำงานและการเคลื่อนไหวในทุกวัน
สำหรับคลาสพิลาทิสที่เปิดสอนมีให้เลือกด้วยกัน 2 คลาสเรียน ได้แก่ 1. The Caformer Room โดยเครื่อง Caformer
และ 2. The Flex Room เน้นสร้างสมดุลให้ร่างกาย แบ่งออกเป็น 3 ซีรีส์ ได้แก่ 1. Burn Series เผาผลาญและปั้นหุ่น 2. Flow Series เคลื่อนไหวแบบลื่นไหลและบาลานซ์ และ 3. Core Series บูสต์ความแข็งแรงจากแกนกลาง
นางสาวณณลัลน์ เชื่อว่า หลังจากนี้ตลาดพิลาทิสในไทยยังโตได้อีกมาก BellyBurn Pilates Lab วางแผนขยายสาขาใหม่ๆ ในอนาคตอีกแน่นอน โดยจะยังคงเอกลักษณ์คอนเซปต์ “Feel the FIRE, savor the SWEET” และการเป็นคลับที่ไม่เหมือนใคร เป้าหมายระยะยาว คือการสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งขยายจำนวนผู้เล่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการซ้ำอีกเรื่อยๆ โดยต้องการสร้างฐานสมาชิกที่เหนียวแน่น เติบโตอย่างมั่นคง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ของ BellyBurn Pilates Lab เป็นลูกค้าประจำที่บอกต่อกันปากต่อปาก เชื่อว่า จะทำให้การเติบโตของธุรกิจหลังจากนี้เป็นไปอย่างมั่นคงและมีคุณภาพแน่นอน
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: BellyBurn Pilates Lab, IG: @bellyburn.pilateslab, Line: @bellyburn.ctw
#PilatesCentralWorld #PilatesBangkok #BellyBurnPilates #BellyBurnCTW
แหล่งอ้างอิง: https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Fitness-Gym-Revenue-CIS3593-FB-2025-07-31.aspx
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น