“ยูนิลิเวอร์” ยกระดับโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน แสดงนวัตกรรมโภชนาการที่ดี
ผ่านกลยุทธ์ “ลด 3 สารอาหารที่ควรจำกัด” โซเดียม-น้ำตาล-ไขมัน
ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพ ความอร่อย และคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้บริโภคไทยทุกเพศทุกวัย
กรุงเทพฯ – 8 ตุลาคม 2568 – ยูนิลีเวอร์ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดียิ่งขึ้น ชูกลยุทธ์ “ลด 3 สารอาหารที่ควรจำกัด” มุ่งลดปริมาณโซเดียม น้ำตาล และไขมันอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการโภชนาการของยูนิลีเวอร์ (USNC) โดยยังคงรสชาติความอร่อยด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ทั้งสุขภาพ ความอร่อย และคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมกับผู้บริโภคไทยทุกเพศทุกวัย พร้อมนำเสนอนวัตกรรมอาหารที่หลากหลายในงานการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 18 งานประชุมวิชาการด้านโภชนาการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “โภชนาการกับการกินดี มีสุข” (Nutrition and Holistic Well-Being) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6–7 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
ตลอดเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา ยูนิลีเวอร์ยึดมั่นในพันธกิจด้านโภชนาการ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้มีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการที่ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งกำหนดเกณฑ์มาตรฐานภายในองค์กร 2 ชุด ได้แก่ Unilever’s Science-based Nutrition Criteria (USNC) และ Positive Nutrition Standards (PNS) เพื่อยกระดับคุณค่าทางโภชนาการในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเป้าหมายเชิงโภชนาการอย่างชัดเจน อาทิ ผลิตภัณฑ์ในเครือ 85% ต้องผ่านเกณฑ์ USNC ภายในปี 2571 และเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มอบโภชนาการเชิงบวก (PNS) ให้เป็นสองเท่า รวมถึงทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทั่วโลก 80% มีปริมาณน้ำตาลรวมไม่เกิน 5 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตรภายในปี 2568 ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์ยังสามารถลดปริมาณเกลือในผลิตภัณฑ์อาหารไปแล้วกว่า 37 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำมาตรฐานกว่า 15,000 สระ
คุณอภิพร อดุลย์พิจิตร ผู้อำนวยการด้านงานวิจัยและพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ภูมิภาคเอเชีย Greater Asia กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์เชื่อมั่นว่าโภชนาการที่ดีเริ่มต้นจากการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพและการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้โดยไม่ต้องสูญเสียความอร่อย เราจึงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสมดุล ภายใต้กลยุทธ์ ‘ลด 3 สารอาหารที่ควรจำกัด’ ได้แก่ โซเดียม น้ำตาล และไขมัน ควบคู่กับการเสริมสารอาหารที่จำเป็น หรือที่เราเรียกว่า ‘โภชนาการเชิงบวก’ อาทิ วิตามิน แคลเซียม และใยอาหาร เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงในระยะยาว ตอบโจทย์ทั้งรสชาติความอร่อยและประโยชน์ทางโภชนาการในทุกมื้ออาหาร”
ยูนิลีเวอร์ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “คนอร์” ให้มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านแนวทาง โภชนาการเชิงบวก (Positive Nutrition) ด้วยการเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ วิตามินบี 1 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ, ไนอะซิน ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันไปเป็นพลังงานตามปกติ, วิตามินบี 6 ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และ วิตามินซี ที่มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ของระบบภูมิคุ้มกันตามปกติ ตอกย้ำความตั้งใจของยูนิลีเวอร์ในการมอบอาหารที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพให้กับผู้บริโภค
ทั้งนี้ภายในงาน ยูนิลีเวอร์ได้นำผลิตภัณฑ์มาจัดแสดง เพื่อสะท้อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการตามโครงการ “กลยุทธ์ลด 3 สารอาหารที่ควรจำกัด” ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเลือกสรรอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรสชาติความอร่อยด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของยูนิลีเวอร์ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ร่วมจัดแสดง ได้แก่
คนอร์ซุปก้อนหมู (ต้นตำรับ) ที่ปรับคำแนะนำการบริโภคใหม่เป็น 1 ก้อนต่อน้ำ 1 ลิตร ช่วยลดปริมาณโซเดียมได้ประมาณ 50% เมื่อเทียบกับการใช้ 2 ก้อน แต่ยังคงรสชาติอร่อยกลมกล่อมเช่นเดิม และผลิตจากเนื้อหมูแท้
คนอร์ซุปก้อนหมู สูตรลดโซเดียม 25% พัฒนาสูตรใหม่ ลดโซเดียม ไม่ใส่ผงชูรส ผลิตจากเนื้อหมูแท้
คนอร์โจ๊กหมู สูตรลดโซเดียมกว่า 28% เมื่อเทียบกับสูตรปี 2562 ผลิตจากเนื้อหมูแท้ และได้รับสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ”
เฮลแมนน์และเบสท์ฟู้ด ที่พัฒนาสูตรเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฮลแมนน์ลดแคลอรี่และไขมันลง 60% ส่วนเบสท์ฟู้ดลดปริมาณน้ำตาลลง 25%
นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ “คนอร์โจ๊กซีสซี่” ในสองรสชาติ ได้แก่ คาโบนาร่าชีสเบคอน และข้าวโพดชีส ที่ได้การรับรอง “สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ” หรือ Healthier Choice (HCL) โดยนำเสนอความหลากหลายในรสชาติให้กับผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ต้องการความอร่อย และความสะดวกในมื้ออาหาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น