กรุงเทพฯ – 9 ตุลาคม 2568 - โรคไข้หวัดใหญ่ หลายๆ คนอาจคิดว่าคือโรคทั่วไปเหมือนไข้หวัดปกติที่เป็นแล้วเดี๋ยวก็หาย แต่จริงๆ แล้ว “ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ และสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ บางรายอาจมีอาการปอดอักเสบ ไข้สมองอักเสบ ที่สำคัญคืออาจแพร่เชื้อมาติดคนในครอบครัว สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่แห่งประเทศไทย จัดเสวนา “ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์” เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตื่นตัวและหันมาป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่กันมากขึ้น รวมทั้งแนะนำ
“วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก” ทางเลือกใหม่ในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้กลัวเข็ม
โดยกลุ่มเด็กเล็กมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่ถูกสุขอนามัย เช่น ไม่ปิดปากเวลาจามหรือไอ ล้างมือไม่บ่อย ฯลฯ และอยู่สถานที่หรือสภาวะแวดล้อมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นแหล่งที่เชื้อไวรัสสามารถติดต่อได้ง่ายและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเมื่อมีอาการติดเชื้อหรือป่วยทำให้ต้องขาดเรียน ไม่ได้ทำกิจกรรมที่ชอบ ฯลฯ ทำให้เสียโอกาสในการเรียนและมีประสบการณ์ร่วมกับเพื่อน
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความรุนแรงของ ‘ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์’ ว่า “ไข้หวัดใหญ่มีมาตั้งแต่ 6,000 ปีก่อนคริสตกาล และอยู่มาตลอดไม่สูญหายไปไหนเลย โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเพื่อหนีภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ จากเดิมไข้หวัดใหญ่เป็นโรคตามฤดูกาล เช่น ฤดูฝน ฤดูหนาว แต่ปัจจุบันมีการติดได้บ่อยขึ้นในช่วง “ฤดูเทศกาล” ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก จากการวิจัยทางการแพทย์ในหลายประเทศพบว่า ผู้ใหญ่ 10% มีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ ในขณะที่เด็กมีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 30% ต่อปี โดยสัดส่วนมากกว่า 3 เท่า และเด็กยังเป็นกลุ่มที่แพร่เชื้อในครอบครัว การป้องกันจึงเป็นทางที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็น 1) การใส่หน้ากากอนามัย 2) ล้างมือบ่อยๆ และ 3) การรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก เป็นทางเลือกใหม่ในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เพิ่มจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราคุ้นเคย”
พญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล รองผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงการป้องกันไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยว่า “ปัจจุบันการรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยจะเป็นวัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สามารถรับได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไปจนอายุ 100 กว่าปี และตอนนี้ประเทศไทยมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบใหม่ “แบบพ่นจมูก” เข้ามาให้บริการในโรงพยาบาล โดยสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 2-49 ปี เหมาะสำหรับเด็กที่กลัวเข็ม เนื่องจากไม่มีเข็มจึงไม่เจ็บและทรมานจากแผลฉีดยา ส่วนการใช้งานก็เหมือนการพ่นยาที่จมูกที่เด็กๆ คุ้นชิน เป็นการพ่นปีละครั้ง ไม่ต้องเจ็บตัวและปลอดภัย โดยได้รับการยอมรับและใช้มาอย่างแพร่หลายกว่า 200 ล้านโดสทั่วโลก และใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และยุโรป มาแล้วกว่า 20 ปี”
ศ. (เกียรติคุณ) พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการทำงานของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นว่า “วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก เพิ่งนำเข้ามาเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในปี 2568 เป็นเชื้อไวรัสแบบมีชีวิตแบบอ่อนฤทธิ์ มีความสามารถในการเพิ่มจำนวนได้ในโพรงจมูกที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกาย เมื่อเข้าสู่ร่างกายที่มีอุณหภูมิ 37 องศา เชื้อจะหยุดการแบ่งตัวทันทีไม่สามารถเจริญเติบโตในร่างกายได้ จึงสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ 2 ทางคือ 1) บริเวณเยื่อบุโพรงจมูก และ 2) ในกระแสเลือด ในขณะที่วัคซีนแบบฉีดจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันในกระแสเลือดเท่านั้น ส่วนเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพนั้น วัคซีนแบบพ่นจมูกเป็นที่นิยมมากในประเทศอังกฤษ มีการกำหนดให้ใช้ในผู้ที่มีอายุ 2-18 ปี เป็นวัคซีนตัวแรกถ้าไม่มีค่อยใช้แบบฉีด ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นมาหลายสิบปีแล้ว โดยในปีนี้ที่สหรัฐอเมริกาสามารถไปซื้อวัคซีนชนิดพ่นจมูกนี้ที่ร้านยา และพ่นที่บ้านเองได้อีกด้วย สำหรับประเทศไทยวัคซีนแบบพ่นจมูกเพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนและพร้อมใช้เป็นปีแรก”
ด้าน เนย โชติกา วงศ์วิลาศ คุณแม่สุดแซ่บที่ทุ่มเทเวลาดูแลลูกทั้ง 2 คนอย่างเต็มที่ เล่าถึงประสบการณ์ไข้หวัดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กๆ และตัวเองว่า “เนยเพิ่งหายจากฤทธิ์ไข้หวัดใหญ่ ติดมาจาก “น้องอคิณ” ที่ติดมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา จะบอกว่าติดเชื้อครั้งนี้เนยเป็นหนักมากจนต้องหยุดงานเลย ในขณะที่อคิณมีอาการเล็กน้อย เพราะได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีนี้มาแล้ว ตอนที่ครอบครัวไปฉีดกัน เนยไม่ได้ไปด้วย เลยเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน เลยเกม จะบอกว่าการได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เป็นสิ่งที่ควรทำทุกปี แต่เชื่อว่าหลายๆ ครอบครัวต้องเจอกับการที่เด็กๆ มักจะดราม่าตลอด พอได้ยินว่าว่านัดฉีดวัคซีน ก็จะถามว่าไปวันไหน เจ็บมั้ย เหมือนมดกี่ตัว มดแดงมดดำ มีความกังวล พอไปถึงโรงพยาบาลก็งอแง ร้องไห้ ก็ต้องกอดเอาไว้ กว่าจะฉีดยาได้ ต้องเปิด YouTube หรือเอาวิตามินมาล่อ แล้วระหว่างทางก่อนจะฉีด ก็จะมีเด็กคนอื่นที่ฉีดแล้วออกมาร้องไห้ เนยเชื่อว่า “วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก” เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ขนาดพ่อแม่ในห้องเดียวกันรู้ว่าจะมางานนี้ ก็สนใจกันเกือบทุกคน และพอฟังที่เนยเล่า หลายคนต้องสนใจแน่ๆ อะไรจะดีเท่ากับการที่ลูกไม่ต้องเจ็บตัว แถมสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีก”
###
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
สาธิดา (แอ๋ม) โทร 08 5166 2442 รุ่งรัตน์ (ใหม่) โทร 06-1892-1414
ศ. (เกียรติคุณ) พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ (ที่ 2 จากขวา) นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ร่วมกับ พญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และ รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ (กลาง) ประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่แห่งประเทศไทย จัดเสวนา “ไข้หวัดใหญ่ ใหญ่กว่าที่คิดส์” รณรงค์ให้คนไทยตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยมี คุณเนย โชติกา วงศ์วิลาศ พร้อม “น้องลลิณ” ร่วมกิจกรรม ภายในงาน Amarin Baby&Kids Fair Carnival 2025 เมื่อเร็วๆ นี้
พญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล รองผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่แห่งประเทศไทย
ศ. (เกียรติคุณ) พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น