ไขข้อสงสัย ‘โรคเบาหวาน’ คืออะไร มีกี่ประเภท
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus หรือ DM) คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเป็นเวลานาน เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนอิ
นซูลิน (Insulin) ซึ่งทำหน้าที่นำน้ำตาลไปใช้เป็
นพลังงาน เมื่อร่างกายหลั่งอินซูลินไม่
เพียงพอ น้ำตาลจึงค้างอยู่ในเลือดมากเกิ
นไปจนส่งผลร้ายต่อร่างกาย
นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อธิบายเพิ่มเติมว่า
"โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่
เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่
างกายทำลายเซลล์ที่สร้างอินซูลิ
นในตับอ่อน ทำให้ต้องใช้อินซูลิ
นทดแทนตลอดชีวิต
เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการที่ร่างกายดื้อต่ออิ
นซูลิน มักเกี่ยวข้องกับ
น้ำหนักเกิน พฤติกรรมการกิน และความเครียด ต่อมา
คือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ พบในหญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับน้ำ
ตาลในเลือดสูงชั่วคราว และสุดท้ายคือ
กลุ่มเบาหวานชนิดอื่น ๆ ที่เกิดจากสาเหตุเฉพาะ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การใช้ยาบางชนิด (เช่น สเตียรอยด์) หรือโรคของตับอ่อน"
“น้ำตาลทราย” ไม่ใช่ผู้ร้ายเพียงคนเดียว ชวนเข้าใจ “น้ำตาลแฝง-วิถีชีวิตไม่ดี” ปัจจัยเร่งโรคเบาหวานการกินของหวานไม่ใช่ปัจจัยกระตุ้
นโรคเบาหวานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการได้รับน้ำ
ตาลแฝงอย่าง ‘น้ำตาลกลูโคส’ จากการย่อยอาหารจำพวกคาร์
โบไฮเดรต โดยเฉพาะในข้าวขาว น้ำผลไม้ หรือผลไม้สุกจัดที่มีรสหวานอย่
างมะม่วงและกล้วย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ พ่อแม่เป็นเบาหวาน ภาวะอ้วน กินอาหารไม่สมดุล ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย และความเครียด
“ความเครียด” ภัยเงียบกระตุ้นเบาหวานที่หลายคนมองข้ามความเครียดเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่
เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดแม้ในวั
นที่เราไม่ได้แตะของหวาน เพราะเมื่อร่างกายเครียด สมองจะกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตหลั่
ง “ฮอร์โมนความเครียด” เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ออกมา โดยฮอร์โมนเหล่านี้จะสั่งให้ตั
บปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานพร้
อมรับมือกับสถานการณ์นั้น ๆ หากมีความเครียดสะสม ระดับคอร์ติซอลที่สูงต่อเนื่
องจะทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิ
น และอาจนำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ “ความเครียดยังทำให้เกิดพฤติ
กรรม ‘กินคลายเครียด’ โดยเฉพาะการโหยหาของหวานหรื
อของมัน และอาจนำไปสู่วงจร เครียด-กิน-น้ำตาลขึ้น-เครียดซ้ำ
ซึ่งทำให้การควบคุมน้ำตาลในเลื
อดยากขึ้นและบั่นทอนสุ
ขภาพโดยรวม ดังนั้นการจัดการความเครียดจึ
งเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการป้
องกันและควบคุมโรคเบาหวาน”
นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อธิบาย
รวมสัญญาณเตือนที่ต้องไปตรวจโรคเบาหวานด่วนนพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล เล่าว่า “ถ้ามีอาการปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ แผลหายช้า มองเห็นภาพเบลอ ง่วงบ่อย หรือมีปัญหาสมาธิสั้นลง ก็มีความเสี่ยงเป็
นโรคเบาหวานและควรไปตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ผู้ที่มีพ่อแม่เป็
นเบาหวาน อายุเกิน 35 ปี รวมถึงผู้ที่มีภาวะเครียดเรื้
อรัง นอนน้อย หรือดื่มน้ำหวานเป็นประจำ ก็ควรไปตรวจคัดกรองด้วยเช่นกัน”
“โรคเบาหวาน” ยิ่งตรวจพบไว ยิ่งดูแลได้ง่ายวิธีการตรวจโรคเบาหวานที่นิยมคื
อการตรวจค่าน้ำตาลสะสม (HbA1c) ซึ่งจะสะท้อนค่าน้ำตาลเฉลี่
ยในร่างกายช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อีกวิธีที่นิยมคือการตรวจระดั
บน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่
างน้อย 8 ชั่วโมง (FPG) เมื่อแพทย์วินิจฉัยพบแล้ว แม้โรคเบาหวานจะรักษาให้
หายขาดไม่ได้ แต่สามารถดูแลและควบคุมให้ไม่
เกิดอันตรายกับร่างกาย นพ. ชาญวัฒน์
ชวนตันติกมล อธิบายถึงวิธีรักษาว่า “หากเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องใช้อินซูลินตลอดชีวิ
ตเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนเบาหวานชนิดที่ 2 หากตรวจพบเร็วและปรับพฤติ
กรรมอย่างจริงจัง เช่น ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และจัดการความเครียดอย่
างเหมาะสม ก็สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้
กลับมาใกล้เคียงปกติ หรือที่เรียกว่าภาวะโรคสงบ (Remission) ส่วนเบาหวานชนิดอื่นแพทย์จะดู
แลตามอาการของผู้ป่วยแต่ละคนอย่
างใกล้ชิด”
ปรับพฤติกรรม-ดูแลใจ ปิดสวิตช์โรคเบาหวานการป้องกันโรคเบาหวานเริ่มต้
นได้จากเรื่องง่าย ๆ จากปรับการกิน โดยลดข้าวขาว ขนม และเครื่องดื่มรสหวาน เริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมออย่
างน้อย 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ ควบคุมน้ำหนักและรอบเอวให้ดี
เพราะไขมันหน้าท้องสัมพันธ์
โดยตรงกับภาวะดื้ออินซูลิน รวมถึงดูแลจิตใจด้วยการนอนหลั
บให้เพียงพอ 6–7 ชั่วโมง และผ่อนคลายความเครียดด้วยกิ
จกรรมที่ชอบ เมื่อร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะลดลง ทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้น้ำตาลในเลือดคงที่
ในระยะยาว ที่สำคัญต้องตรวจคัดกรองเป็
นประจำทุกปี
“หลายคนเข้าใจว่าถ้าไม่อยากเป็
นเบาหวานก็ต้องไม่กินของหวาน แต่ความจริงแล้วโรคเบาหวานมั
กมาจากวิถีชีวิตที่ไม่สมดุ
ลมากกว่า อยากให้ทุกคนกลับมาสร้
างความพอดีให้ร่างกาย ตรวจสุขภาพทุกปี กินและออกกำลังกายให้พอดี รู้เท่าทันความเครียดและหาวิธี
ผ่อนคลาย ก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจแข็
งแรงและผลิตอินซูลินได้อย่างเต็
มที่ ถ้าทำแบบนี้แล้วเราก็สามารถให้
รางวัลตัวเองด้วยของหวานบ้างเป็
นครั้งคราว แบบที่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”
นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์
โรงพยาบาลวิมุต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนั
ดหมายแพทย์ได้ที่ศูนย์เบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก ชั้น 3 โรงพยาบาลวิมุต เวลาทำการ 07:00 – 19:00 น. โทร. 02-079-0070 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น