กรุงเทพฯ 3 ธันวาคม 2568 – บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Retail and Wholesale for All” องค์กรที่พร้อมเติบโตไปกับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเซ็นทรัล รีเทล ได้เริ่มต้นเส้นทางสู่เป้าหมาย Net Zero มาอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้ทำการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือ Green Bond เป็นครั้งแรกในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งของไทย มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุนสถาบัน และเพื่อต่อยอดความสำเร็จจาก Green Bond เซ็นทรัล รีเทล ได้จับมือกับธนาคารกรุงศรีฯ จัดหาเงินทุนเพิ่มเติมผ่านสินเชื่อสีเขียวหรือ Green Loan มูลค่า 2,000 ล้านบาท เพื่อขยายผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม และเสริมศักยภาพองค์กรสู่การเป็นค้าปลีก-ค้าส่งสีเขียวอย่างเต็มรูปแบบ
นายปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เซ็นทรัล รีเทล มุ่งหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา Climate Change ที่เป็นความท้าทายสำคัญในโลกปัจจุบัน โดยเราได้ยกระดับเรื่อง Green Finance มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นพลังสำคัญในการสร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว โดยการจัดหาสินเชื่อสีเขียว มูลค่า 2,000 ล้านบาท ในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอด้านความยั่งยืนที่ต่อยอดจากความสำเร็จของการออก Green Bond เพื่อใช้ในการขยายโครงการด้านพลังงานสะอาดและลดการปล่อยคาร์บอน โดยโฟกัสที่การเพิ่มจำนวนสถานที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ขยายการใช้รถบรรทุกและจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Transportation) ในศูนย์กระจายสินค้าและการจัดส่งสินค้าทั้งแบบระยะทางสั้นและยาว รวมถึงโครงการตู้เย็นประหยัดพลังงาน และโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ ซึ่งคาดว่าโครงการเหล่านี้จะมีส่วนช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 324,552 ตันต่อปี และตอกย้ำบทบาทของเซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งที่มุ่งเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ”ทั้งนี้ตลอดเส้นทางสู่ Net Zero ที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล ได้จัดทำโครงการต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ ReNEW มาอย่างต่อเนื่อง และครบทุกมิติในด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567)
· การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาศูนย์การค้า อาคาร และคลังสินค้ากว่า 160 แห่งในไทยและเวียดนาม ซึ่งช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 86,612 ตันต่อปี
· การใช้รถบรรทุกและจักรยานยนต์ไฟฟ้ารวม 76 คัน ในศูนย์กระจายสินค้าและการจัดส่งสินค้า ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซลกว่า 661,806 ลิตรต่อปี และลดคาร์บอนอีก 1,740 เมตริกตันต่อปี
· โครงการตู้เย็นประหยัดพลังงานในท็อปส์ และโก โฮลเซลล์ กว่า 2,163 ตู้ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 8,741 ตันต่อปี
ด้านนายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ทางธนาคารกรุงศรีฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในก้าวสำคัญและสานต่อความร่วมมือกับบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนการเงินเพื่อความยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวครั้งนี้ โดยภาคธุรกิจค้าปลีกนับเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ทั้งในมิติของห่วงโซ่อุปทานและพฤติกรรมผู้บริโภค การดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมของ เซ็นทรัล รีเทล ทั้งโครงการด้านพลังงานสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนและความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจบนพื้นฐานของการเติบโตอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของธนาคารกรุงศรีฯ ทั้งนี้ กรุงศรีมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในทุกภาคส่วนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านและเสริมสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืนไปด้วยกัน”
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ: รายชื่อบุคคลในภาพเรียงจากซ้ายไปขวา
1. นางสาวสุกุลยา เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหารการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
2. นายปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
3. นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
4. นายศรัณย์ ศศะนาวิน ผู้บริหารสายงานลูกค้าบรรษัทขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น