ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ในฐานะนิตยสารแฟชั่นระดับโลก
ได้ยืนหยัดเคียงข้างและเชิดชูบทบาทของผู้สร้างสรรค์มาอย่างยาวนาน ผ่านการจัดงาน Harper’s BAZAAR
Women of the Year เพื่อเฉลิมฉลองและมอบรางวัลอันทรงเกียรติแด่สุภาพสตรีผู้ทรงอิทธิพล ผู้ซึ่งใช้พรสวรรค์ วิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่น สร้างสรรค์ผลงานอันโดดเด่น พร้อมเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ร่วมขับเคลื่อนสังคมในหลากหลายมิติ
ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ วัฒนธรรม ธุรกิจ หรือแฟชั่น
ในปีนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญ เมื่อ ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย (Harper’s BAZAAR Thailand) ได้นำเอาเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่นี้มาสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ด้วยการจัดงาน Harper’s BAZAAR Women of the Year 2025 เพื่อเฉลิมฉลองคุณค่าและความสำเร็จของบุคคลผู้ทรงอิทธิพลชาวไทยจากหลากหลายแวดวง
ผู้ซึ่งเปล่งประกายความสามารถและจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ พร้อมถ่ายทอดแรงบันดาลใจและพลังแห่ง
การเปลี่ยนแปลงสู่สังคม ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างงดงามและยั่งยืน ณ Sphere Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์
ในวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568
ภายในงานคับคั่งไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ อาทิ อรธิรา ภาคสุวรรณ, รุจจิ์-รติรส จุลชาต, จิตติมา วรรธนะสิน,
ศิริชัย ทหรานนท์, อิทธิฤทธิ์ รัตนทารส อัมพุช, นภัสสร-เปรมณัช สุวรรณานนท์, ภูภวิศ กฤตพลนารา, พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล, ดร.ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา, วาสนา อินทะแสง, วศธร พลไพศาล, ณวพรรณ พรประภา, นิษฐา-ธราภุช คูหาเปรมกิจ, แพทริเซีย กู๊ด, มิลิน ยุวจรัสกุล, ธนสาร คณะเกษม, กรณ์ นียะพันธ์ ฯลฯ
ให้เกียรติมาร่วมงาน และเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ค่ำคืนอันเปี่ยมด้วยความหมายได้รับเกียรติจาก อาลี ซีอานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิเซน จำกัด และ แพม เทียน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล บริษัท ดิจิเซน จำกัด ร่วมเปิดม่านงานอย่างสง่างามและกล่าวถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังว่า “งานในค่ำคืนนี้มิใช่เพียงการมอบรางวัล หากแต่เป็นการสร้างพื้นที่เพื่อยกย่อง
“พลังของผู้หญิง” ในฐานะผู้สร้างสรรค์ ผู้เปลี่ยนแปลง และผู้กำหนดทิศทางของวัฒนธรรมร่วมสมัย ธีมงานในปีนี้จึงเน้นย้ำถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่ผสานความสง่างามเข้ากับวิสัยทัศน์ที่ล้ำสมัย สะท้อนให้เห็นว่าความงามที่แท้จริงคือพลังทางวัฒนธรรมที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในทุกมิติ” ก่อนจะเติมเต็มบรรยากาศด้วยการแสดงพิเศษจาก
เบ็คกี้–รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง มิวซ์คนแรกของ Harper’s BAZAAR Thailand ที่สร้างความประทับใจให้แก่แขกผู้ร่วมงานอย่างลึกซึ้ง
ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ พิธีมอบรางวัล Harper’s BAZAAR Women of the Year 2025 เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของบุคคลผู้ทรงเกียรติ ผู้ซึ่งเป็นพลังแห่งแรงบันดาลใจ โดยได้รับเกียรติสูงสุดในการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลในสาขา Thai Heritage แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
เพื่อเฉลิมพระเกียรติคุณและยกย่องสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไว้แก่สังคมไทย นอกจากพระองค์จะทรงมีพระปรีชาสามารถ
ในด้านการออกแบบแล้ว ยังทรงเป็นผู้นําในการสืบสาน อนุรักษ์ และต่อยอดภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านผ้าไทย พระองค์ทรงตีความลวดลาย เทคนิคดั้งเดิม และความงดงามของงานหัตถศิลป์ไทยให้มีความร่วมสมัย ผ่านการออกแบบภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งพระองค์ทรงกำกับงานอย่างใกล้ชิด ผลงานของพระองค์ทำให้ผ้าไทยถูกชุบชีวิตใหม่ในเวทีแฟชั่นโลก และเป็นที่ประจักษ์ว่ามรดกไทยสามารถงอกงามได้อย่างร่วมสมัยโดยไม่สูญเสียเสน่ห์ดั้งเดิม
ในเวทีนานาชาติ พระองค์ยังทรงได้รับการจับตามองในฐานะดีไซเนอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยผลงานของ
แบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นไทยแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว ที่อยู่ในตารางทางการของ
Milan Fashion Week นับเป็นพลังสำคัญที่ผลักดันให้ดีไซเนอร์ไทยได้รับการมองเห็นบนเวทีระดับสากล สำหรับรางวัลระดับนานาชาติ พระองค์ทรงเป็นคนไทยพระองค์แรกที่ทรงได้รับการถวายพระเกียรติคุณและทรงได้รับเหรียญสดุดีใน
ด้านการส่งเสริมงานด้านวิจิตรศิลป์ มรดกทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในเดือนกรกฎาคม
ที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ขององค์การ UNESCO ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ องค์การทรัพย์สินทาง
ปัญญาโลก (WIPO) ได้ถวายรางวัล ‘ความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์: WIPO Award for Creative Excellence 2025’
แด่พระองค์เพื่อยกย่องในพระวิริยอุตสาหะ และพระปรีชาสามารถในด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการสร้างสรรค์ผลงานลิขสิทธิ์ การออกแบบแฟชั่น และเครื่องหมายการค้า ตลอดจนพระกรณียกิจในการส่งเสริมศักยภาพของช่างฝีมือ
ในชุมชนท้องถิ่น เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทย
พร้อมกันนี้ ยังมีการมอบรางวัลให้แก่ผู้ทรงอิทธิพลในสาขาต่าง ๆ นำโดย รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ในสาขา Breakthrough, สโรชา จันทร์กิมฮะ ในสาขา Breakthrough, อารยา เอ ฮาร์เก็ต ในสาขา Fashion Icon, อุรัสยา เสปอร์บันด์ ในสาขา Actress, วาสนา สายมา ในสาขา Craftsmanship, เอวาริณณ์ พันธุ์วิเชียร ในสาขา Makeup Artist, พิชญา สุนทรญาณกิจ ในสาขา Chef, ชรารัตติ์ สาระอาภรณ์ ในสาขา Pop culture, แอน ทองประสม ในสาขา Wellness, วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ในสาขา Artist, จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท ในสาขา Writer, สมฤทัย รัตนวราห ในสาขา Influencer, ดนุภา คณาธีรกุล ในสาขา Musician และ กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ในสาขา Phenomenon
ไอคอนแห่งวงการแฟชั่น ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เจ้าของรางวัลสาขา Fashion Icon นิยามตัวตนผ่านกาลเวลากว่าทศวรรษว่า “สไตล์คือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมาย” เธอย้ำถึงทัศนคติในการใช้ชีวิตท่ามกลางโลกโซเชียลว่า “อยากให้
คนจดจำว่า ‘I have no hate’ เราไม่เคยเกลียดใคร อยากส่งต่อแต่พลังบวก สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วย Negativity มากเกินไป อยากให้คนใจดีต่อกันมากขึ้น อย่าตัดสินกัน และอย่าดูถูก Purpose ของตัวเอง”
สำหรับคลื่นลูกใหม่ที่สะท้อนศักยภาพ Soft Power ไทย เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง เจ้าของรางวัลสาขา Breakthrough เปิดใจถึงเบื้องหลังความสำเร็จว่า “ทุกเช้าที่ตื่นมาคือความพร้อมที่จะลุยเต็มที่ ต่อให้ป่วยก็ต้องสู้ เพราะมันคือความรับผิดชอบ... อยากให้คนได้ยินชื่อเบ็คกี้แล้วรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงที่เก่งและตั้งใจกับทุกผลงานแบบเกิน 100%” เช่นเดียวกับ ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ ที่เชื่อว่า “ความกล้าที่จะลงมือทำคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด...
อยากให้สังคมเห็นคุณค่าของการเป็นตัวตนที่แท้จริง หยุดลดทอนตัวเองเพื่อให้ใครยอมรับ แต่กล้าที่จะเป็นในแบบที่เราภูมิใจ”
ทางด้าน ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ เจ้าของรางวัลสาขา Actress นักแสดงหญิงผู้ครองหัวใจผู้ชมมาอย่างยาวนาน นิยามความเป็นนักแสดงผ่านจุดเปลี่ยนในละคร "จาก 'ดวงใจอัคนี' สู่การปลดล็อกจิตวิญญาณนักแสดงใน
'คลื่นชีวิต' เผยว่าความท้าทายสูงสุดคือการทำความเข้าใจ 'ความเป็นมนุษย์' ผ่านตัวละครจนผู้ชมเชื่อสนิทใจ ซึ่งนั่นคือความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่กว่ารางวัลใดๆ เธอทิ้งท้ายด้วยพลังบวกถึงผู้หญิงทุกคน ให้กล้าแสดงออกผ่านแฟชั่นและใช้ชีวิต
อย่างปลอดภัย โดยยึดมั่นใน 'การรักตัวเอง' เพราะเมื่อเรารักตัวเองมากพอ เราจะก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปได้อย่างงดงาม"
เวทีนี้ยังเปิดพื้นที่ให้กับเสียงของผู้สร้างสรรค์ จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท นักเขียนซีไรต์ที่อายุน้อยที่สุด สะท้อนมุมมองว่า “อยากให้คนจดจำพลังงานบางอย่างในงานเขียนของเรา มันคือความอ่อนโยนที่กล้าชี้ไปยังความจริง แม้จะเป็นความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากมองเห็น” สอดคล้องกับ วาสนา สายมา เจ้าของรางวัลสาขา Craftsmanship ผู้ยกระดับหัตถกรรมไทยสู่สากล ที่กล่าวอย่างภูมิใจว่า “งานหัตถกรรมเกิดจากมือผู้หญิง วันนี้เราทำให้ผู้หญิงในชุมชนทุกคนยอมรับและรวมพลังกันทำงานใหญ่ได้ นั่นคือการสร้างพลังของผู้หญิงที่แท้จริง”
รางวัล Wellness สำหรับ แอน ทองประสม นักแสดงและโปรดิวเซอร์ เผยถึงการเป็นตัวแทนของผู้หญิง
ยุคใหม่ที่เชื่อในพลังของความสมดุลและการดูแลตัวเองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเริ่มต้นจากวันที่เธอล้มป่วยอย่างหนัก จนทำให้หันกลับมาให้เวลากับร่างกายอย่างจริงจังจากโยคะ เวทเทรนนิ่ง สู่การวิ่ง ความสม่ำเสมอมากกว่าสิบสามปีได้หล่อหลอมเป็นวินัยชีวิต อุปสรรคทั้งเรื่องเวลา การบาดเจ็บ และวัยที่เปลี่ยนไป กลับกลายเป็นบทเรียนให้เธอเข้าใจร่างกายอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเธอเลือกเปลี่ยนการออกกำลังกายจากหน้าที่ ให้กลายเป็นกิจวัตรที่เต็มไปด้วยความสุขความภาคภูมิใจสูงสุดไม่ใช่เพียงรูปร่างที่แข็งแรง แต่คือความไม่ยอมแพ้ต่อข้อจำกัดของตัวเองและบนเส้นทางการแสดง แอนยังคงยืนหยัดในฐานะนักแสดงหญิงคุณภาพ ที่พิสูจน์ว่าความสามารถไม่เคยถูกจำกัดด้วยวัย
ในแวดวงศิลปะและวัฒนธรรมป๊อป แม็กกี้-ชรารัตติ์ สาระอาภรณ์ สาขา Pop Culture เจ้าของคาแรกเตอร์ Charlotte กล่าวว่า “การภูมิใจในตัวเองคือเรื่องสำคัญมาก ขอให้มีความสุขกับตัวตนของเราเอง และพัฒนามันให้ดีขึ้นในแบบของเรา” ส่วน มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล เจ้าของรางวัลสาขา Musician กล่าวถึงการต่อสู้ในฐานะศิลปินหญิงว่า
“การเป็นผู้หญิงมันยากจริงๆ แต่อยากบอกว่า ‘มาสู้ไปด้วยกันนะคะ’ เราจะเหนื่อยไปพร้อมกัน และทำในแบบที่ยังมีความสุขกับมัน” ปิดท้ายด้วยรางวัลพิเศษ Phenomenon พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ศิลปินผู้ทลายกำแพงแห่งเพศ กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าประทับใจว่า “การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครเป็นเหมือนใครได้ จงภูมิใจในความแตกต่าง เพราะนั่นคือความพิเศษของเรา และอย่าลืมกลับมาดูแลใจตัวเองด้วย”
ความพิเศษของค่ำคืนนี้ ยังถูกถ่ายทอดผ่านถ้วยรางวัล (Trophy) อันทรงเกียรติ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย SARRAN ภายใต้คอนเซปต์ “A Tribute to Thai Women's Intelligence and Invisible Power” หรือการสดุดีแด่สติปัญญาและพลังที่มองไม่เห็นของผู้หญิงไทย โดยหยิบยกวัฒนธรรมการใช้ “กลิ่น” และ “ดอกไม้” ซึ่งเปรียบเสมือนภาษาลับของผู้หญิงไทยในอดีตมาเป็นแรงบันดาลใจ ตัวกล่องรางวัลถูกออกแบบให้คล้ายกับ “กล่องอบร่ำโบราณ” ที่เก็บรักษากลิ่นหอมของดอกไม้ไทยไว้บนผิวไม้ เสมือนความทรงจำที่ยังมีลมหายใจ เมื่อเปิดกล่องออก จะพบกับ “เข็มร้อยมาลัย”
ที่ร้อยดอกรักค้างไว้ (Signature Crown Flower) สะท้อนถึงเรื่องราวและความสามารถของผู้หญิงที่ถูกสืบสานอย่างไม่มีวันจบสิ้น บนแผ่นทองเหลืองเงาดุจพานโบราณ จารึกชื่อผู้ได้รับรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติอย่างสูงสุด นับเป็นงานออกแบบที่ไม่ได้เป็นเพียงวัตถุ แต่คือสัญลักษณ์แห่งการสืบทอดพลังหญิงไทยจากอดีตสู่อนาคต
นอกจากนี้ ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย ยังตระหนักถึงพลังแห่งการ ‘ให้’ เพื่อขับเคลื่อนสังคม ผ่านกิจกรรมพิเศษ ‘BAZAAR ART AUCTION’ การประมูลผลงานศิลปะเพื่อการกุศลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้
โดยระดมพลังสร้างสรรค์จาก 12 ศิลปินร่วมสมัยแถวหน้าของไทย อาทิ YOON PHANNAPAST, GONGKAN,
CHEESE ARNON, MUNINS และอีกมากมาย ที่ร่วมใจมอบผลงานชิ้นเอกมาร่วมประมูล โดยรายได้ทั้งหมดจะถูกส่งมอบเพื่อฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ผู้สนใจสามารถติดต่อข้อมูลเพื่อร่วมประมูลได้ผ่านช่องทางออนไลน์ Website : harpersbazaar.co.th, Instagram : bazaarthailand และ Facebook : Harper's BAZAAR Thailand ตั้งแต่
วันที่ 8 ธันวาคม เวลา 18.00 น. ถึง 14 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น. เพราะเราเชื่อว่าศิลปะหนึ่งชิ้น อาจกลายเป็นอีกหนึ่งความหวังอันยิ่งใหญ่ สำหรับผู้ที่กำลังต้องการกำลังใจอย่างที่สุดในวินาทีนี้
Harper’s BAZAAR Women of the Year 2025 คือการประกาศคุณค่าแห่ง ‘พลังหญิง’ อย่างสง่างาม
ผ่านเรื่องราวที่พิสูจน์แล้วว่าความฝันและความกล้าหาญเปลี่ยนโลกได้จริง รางวัลในค่ำคืนนี้จึงมิใช่เพียงสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ แต่คือหมุดหมายแห่งความหวัง และเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้หญิงไม่เพียงแค่ ‘เปล่งประกาย’ แต่พร้อม ‘เปล่งพลัง’ เพื่อขับเคลื่อนโลกสู่อนาคตด้วยหัวใจของผู้หญิงอย่างแท้จริง





























ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น