ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปั
- การใช้พลังงาน (Energy cost) จากการศึกษาที่ผ่านมารายงานว่า ด้วยปัจจัยแรงลมและเนินสูงต่ำที่
ไม่สม่ำเสมอกัน ทำให้การวิ่งบนถนนมีแรงต้านที่ มากกว่า ดังนั้นการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าจึ งใช้พลังงานน้อยกว่า โดยวัดผลจากค่าอัตราการใช้ออกซิ เจน(Oxygen consumption: VO2) และอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate) โดยพบว่า การปรับความชันของการวิ่งบนลู่ วิ่งไฟฟ้าที่ระดับ 0-1% จะมีค่าเทียบเท่ากับการวิ่ งบนถนน - แรงกระทำต่อข้อต่อ (Joint force) และการทำงานของกล้ามเนื้อ (Muscle function) จากการรายงานก่อนหน้านี้พบว่า มีแรงกระทำต่อข้อเท้าและเอ็นร้
อยหวายที่มากกว่าของการวิ่งบนลู่ วิ่งไฟฟ้า แต่ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนั ยสำคัญที่บริเวณข้อเข่าของทั้ งสองรูปแบบการวิ่ง นอกจากนี้การวิ่งบนถนนมีแนวโน้ มที่จะมีการโน้มของกล้ามเนื้ อลำตัวที่มากกว่า - ความยาวก้าว (Step length) การวิ่งบนพื้นถนนมีความยาวก้
าวที่ยาวกว่า โดยมีความยาวที่แตกต่างกัน 6 เซนติเมตรต่อการวิ่ง 1 ก้าว นั่นหมายความว่ายิ่ งระยะทางในการวิ่งยิ่งไกล ความแตกต่างของ 2 รูปแบบการวิ่งยิ่งมีค่าแตกต่ างกันมากขึ้น
ถึงแม้ว่าการลงน้ำหนักและการทำงานของกล้ามเนื้ อของการวิ่งทั้งสองรูปแบบจะมี ความแตกต่างกันเล็กน้อย หากตัวคุณมีปัญหาบริเวณข้อเท้ าหรือเอ็นร้อยหวายเดิมอยู่แล้ว การวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าอาจต้องมี ความระมัดระวังมากขึ้น ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้ อโดยเฉพาะอย่างยิ่งการยืดกล้ ามเนื้อบริเวณน่องและข้อเท้ ามากขึ้น รวมถึงในแง่การใช้พลังงานควรปรั บความชันขึ้นเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความหนักในการวิ่งที่ คล้ายคลึงกับการวิ่งบนถนน
สุดท้ายนี้ การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การอบอุ่นร่างกายสร้างความพร้ อมก่อนการออกกำลังกายและการยื ดเหยียดเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่ นของกล้ามเนื้อ ยังคงเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติก่ อนและหลังการวิ่ง รวมถึงการออกกำลังกายชนิดอื่น ๆ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่ อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้ งการออกกำลังกายในร่มและกลางแจ้ ง
เรียบเรียงโดย กภ. วรรณพงษ์ อิ่มธนบัตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น