สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยไตรมาส 1 ปี 2568 - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยไตรมาส 1 ปี 2568

 






ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นจากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในกรอบจำกัด ตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัว 2.2% จากการเพิ่มขึ้นของพันธบัตรภาครัฐเป็นสำคัญ ในขณะที่ตราสารหนี้ภาคเอกชนมีมูลค่าคงค้างใกล้เคียงเดิม โดยหุ้นกู้กลุ่มเรทติ้งสูงมีมูลค่าการออกมากกว่าที่ครบกำหนด ส่วนนักลงทุนต่างชาติมียอดการซื้อสุทธิ 10,297 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไปราว 1-2 ครั้ง รวม 0.25-0.50% ในปีนี้


ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่ามูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 เท่ากับ 17.5 ล้านล้านบาท ขยายตัว 2.2% จากปีที่แล้ว จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐเป็นสำคัญ ทั้งนี้ในส่วนของการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) มีมูลค่า 203,486 ล้านบาท ลดลง 1.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหุ้นกู้กลุ่ม Investment grade โดยรวมมีการออกมากกว่ามูลค่าที่ครบกำหนด ในขณะที่หุ้นกู้กลุ่ม High yield มีการออกน้อยกว่ามูลค่าที่ครบกำหนด กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่ม Energy Property และ Finance ตามลำดับ


เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government bond yield curve)
ในไตรมาส 1 ปี 2568 มีการปรับตัวในทิศทางขาลงโดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลักจากที่กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.00% ส่งผลให้ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 2 ปี 5 ปี และ10 ปี ปรับตัวลดลง 31-35 bps. จากสิ้นปี 2567 มาอยู่ที่ระดับ 1.69%, 1.74% และ 1.99% ตามลำดับณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568


เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate bond yield curve)
ในไตรมาส 1ปี 2568 ของหุ้นกู้อันดับเครดิตต่างๆ ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนรุ่นอายุ 5 ปี ของหุ้นกู้กลุ่ม AAA AA A และ BBB+ ปรับตัวลดลง26-52 bps. มาอยู่ที่ระดับ 2.29% 2.63% 3.01% และ 4.31% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568


กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (Fund flow)
ในไตรมาสแรกของปี 2568 เป็นการซื้อสะสมสุทธิตราสารหนี้ไทยจำนวน 10,297 ล้านบาท โดยเป็นผลรวมของการขายสุทธิตราสารหนี้ไทย 11,989 ล้านบาทในเดือนมกราคม ก่อนพลิกกลับมาเป็นการซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมรวม 22,286 ล้านบาท หลังจากการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้การถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 เท่ากับ 8.74 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5%ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยตราสารหนี้ไทยที่ต่างชาติถือครองมีอายุคงเหลือเฉลี่ย 8.4 ปี ลดลงจาก 8.7 ปีเมื่อสิ้นปี 2567


ทั้งนี้ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ได้กล่าวถึงผลการสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี 2568 ที่ผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไปราว 1-2 ครั้ง รวม 0.25-0.50% ลงมาอยู่ที่1.50-1.75% จากปัจจุบันที่ 2.00% สำหรับการคาดการณ์ Bond yield ไทย ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าBond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะขยับตัวลดลงเฉลี่ยราว 4-7 pbs. จากสิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 จากปัจจัยเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำเป็นสำคัญ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad