“พาณิชย์”. MOC ชี้เป้าผู้ส่งออกผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพขายตลาดไต้หวัน รับเทรนด์ดูแลสุขภาพบูม - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“พาณิชย์”. MOC ชี้เป้าผู้ส่งออกผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพขายตลาดไต้หวัน รับเทรนด์ดูแลสุขภาพบูม

 



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจตลาดชาไร้น้ำตาล ชาเพื่อสุขภาพในไต้หวันพบเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง หลังผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ เผยอานิสงค์ยังไปถึงเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ด้วย ทั้งกาแฟ 

น้ำอัดลม เครื่องดื่มฟังก์ชัน ชี้เป้าไทยผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ เพิ่มโอกาสขาย



นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า

และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบาย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ถึงการสำรวจตลาดชาไร้น้ำตาลและชาเพื่อสุขภาพ ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในตลาดไต้หวัน และโอกาสในการส่งออกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของไทยเจาะตลาด


โดยทูตพาณิชย์รายงานว่า ปัจจุบันชาวไต้หวันนิยมบริโภคชาอย่างแพร่หลาย โดยชาแดง ชาเขียว อู่หลง และชานม เป็นเครื่องดื่มชา 4 ประเภทหลักที่ได้รับความนิยมผ่านมายาวนาน ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ชาไร้น้ำตาลกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในตลาดเครื่องดื่มในไต้หวัน ตามความตื่นตัวเรื่องการบริโภค

เพื่อสุขภาพ ส่งผลให้ชาไร้น้ำตาลกลายเป็นตัวเลือกได้รับความนิยมสูงในตลาดเครื่องดื่ม โดยมีข้อมูลจาก Worldpanel ระบุว่า ในปี 2024 ยอดขายชาไร้น้ำตาลเทียบกับปี 2023 เติบโต 12% ความนิยมชาไร้น้ำตาล ได้ขยายจากชาเขียวและอู่หลงไปสู่ “ชาแดงไร้น้ำตาล” ซึ่งเคยถูกมองว่าขมและฝาดหากไม่ใส่น้ำตาล

โดยในปี 2024 ผู้บริโภคเครื่องดื่มชาไร้น้ำตาล 23 คนในทุก ๆ 100 คนเลือกซื้อชาแดงไร้น้ำตาล ความนิยมที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ผู้ผลิตมีการปรับรสชาติชาแดงให้กลมกล่อมขึ้น


นอกจากนี้ ข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาด Kantar Worldpanel ชี้ให้เห็นว่า สัดส่วนผู้บริโภคชาข้าวบาร์เลย์ในไต้หวันเพิ่มจาก 20% ในปี 2022 เป็น 32% ของผู้บริโภคเครื่องดื่มชาทั้งหมดในปี 2024

แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มชื่นชอบชาประเภทนี้มากขึ้น โดย 2 แบรนด์หลักที่ได้รับความนิยมมากคือ ชาข้าวบาร์เลย์ไร้น้ำตาลของแบรนด์ อวี่ฉาหยวน และชาข้าวบาร์เลย์ของแบรนด์ AGV ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในไต้หวัน และนอกจากชาไร้น้ำตาลแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผลิตจากธัญพืชที่รสชาติคล้ายชาเข้ามาสู่ตลาดไต้หวันเพิ่มขึ้น โดยเน้นจุดขายที่แตกต่างกัน เช่น ชาข้าวโพด ชาข้าวบาร์เลย์ ชาเมล็ดพืช

แบรนด์ Woongjin ของเกาหลี โดยต่างเน้นเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ชามีส่วนผสมสารธรรมชาติ 13 ชนิด แบรนด์ Sokenbicha และชาธัญพืช 16 ชนิด แบรนด์ Asahi ของญี่ปุ่น ชูจุดเด่นเรื่องสมุนไพรหลากชนิดและปราศจากสารชาและคาเฟอีน เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ชาไร้แคลอรี่ ไม่แต่งกลิ่ม เสริมลูทีนและสารเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย Q10 แบรนด์ปอมี่ ของไต้หวัน


ขณะเดียวกัน ตลาดกาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มฟังก์ชันก็ได้รับอิทธิพลจาก

เทรนด์นี้เช่นกัน อาทิ กาแฟดำและอเมริกาโนไร้น้ำตาลเป็นที่นิยมมากขึ้น เช่น PureBrew ของแบรนด์ Mr. Brown และกาแฟ Aroma Sparking ของ UCC ที่ให้ความสดชื่นแบบน้ำอัดลม น้ำอัดลม Zero Sugar กลายเป็นกระแสหลัก

แบรนด์ใหญ่อย่าง Coca-Cola, Pepsi และ Sprite ต่างขยายผลิตภัณฑ์ไร้น้ำตาล เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull และ Monster ก็พัฒนารุ่นไร้น้ำตาลเช่นกัน แสดงถึงความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพที่แผ่ขยายทั่วตลาดไต้หวัน


“ไทยเป็นแหล่งนำเข้าเครื่องดื่มอันดับ 7 ของไต้หวันด้วยสัดส่วน 5.08% ของการนำเข้าเครื่องดื่มทั้งหมดในไต้หวัน โดยในปี 2024 ไต้หวันนำเข้าเครื่องดื่มจากไทย 8.36 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่ไทยส่งออกมาก คือ เครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูง คือ น้ำมะพร้าว น้ำมะม่วง สับปะรด น้ำส้ม

น้ำผลไม้รวม โดยผู้ประกอบการไทยควรตระหนักถึงพฤติกรรมผู้บริโภคไต้หวันมักให้ความสำคัญและเลือกซื้อสินค้าที่ตอบกระแสความตื่นตัวด้านสุขภาพ เช่น เป็นผลไม้ 100% ไม่เติมน้ำตาล เป็นต้น หากสามารถผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการได้ ก็จะเพิ่มโอกาสในการส่งออกได้มากขึ้น”นางสาวสุนันทากล่าว


สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad