กรมศุลกากรจัดงานแถลงนโยบายในการขับเคลื่อนมาตรการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking) - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กรมศุลกากรจัดงานแถลงนโยบายในการขับเคลื่อนมาตรการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking)

 


วันนี้ (วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568) เวลา 13.30 น. ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี

และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการจัดงานแถลงนโยบายในการขับเคลื่อนมาตรการการป้องกัน

และปราบปรามยาเสพติด (Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking) ของกรมศุลกากร ร่วมด้วยนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ 


อธิบดีกรมศุลกากร ผู้บริหารกรมศุลกากร และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ณ สโมสรศุลกากร ชั้น 2 กรมศุลกากร




                                       


ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ผ่อนปรนต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ทุกรูปแบบ พร้อมดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องสังคมและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ 

โดยมุ่งให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในระยะเวลาอันสั้นตามนโยบายของรัฐบาล “Quick Big Win” และเชื่อมั่นว่าการได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมไปถึงหน่วยงานต่างประเทศ จะสามารถทำให้

ประเทศไทยปลอดจากภัยยาเสพติด และป้องกันมิให้กลุ่มบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่ออาชญากรรม ซึ่งจะส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทยในเวทีโลก สำหรับกรมศุลกากร ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงการคลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านหน้าของประเทศในการสกัดกั้นการลักลอบยาเสพติด ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ 

ได้แสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการร่วมแก้ปัญหายาเสพติดของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันและปราบปรามมิให้มีการใช้ช่องทางการค้าระหว่างประเทศ และป้องกันไม่ให้ประเทศไทย

เป็นฐานของอาชญากรในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดให้โทษ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน



นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า วันนี้กรมศุลกากรจัดงานแถลงนโยบาย

ในการขับเคลื่อนมาตรการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking) เนื่องจากปัญหา

ยาเสพติดถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ความปลอดภัยของสังคม และความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประชาคมโลก

 


ด้วยสถานการณ์ยาเสพติดของประเทศไทยยังคงอยู่ในสถานะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาพบว่ายังมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในหลายช่องทาง อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทย

เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดเพื่อส่งต่อไปยังต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ กรมศุลกากจึงเร่งพัฒนาแนวทางการทำงานในทุกมิติ 

เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ผ่านการกำหนดมาตรการเชิงรุกในการปฏิบัติงานด้านป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ทั้งหมดนี้เป็นการน้อมรับ

และตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล “Quick Big Win” ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และการกำกับดูแลของ ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรได้แบ่ง

การดำเนินงานออกเป็น 3 มิติ ได้แก่




มิติที่ 1 ความร่วมมือเชิงรุกกับผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ปรับเปลี่ยนแนวทางการตรวจสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง 

จากการตรวจค้น ณ จุดผ่านแดนหรือจุดนำเข้าส่งออก เป็นการดำเนินการเชิงรุก โดยทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ

ในห่วงโซ่อุปทาน ทั้งรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงภาคธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์  DHL FedEx UPS  ไปรษณีย์ไทย

และบริษัท Freight Forwarder ต่าง ๆ โดยเข้าไปให้ข้อมูลความเสี่ยง เกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการในการกระทำความผิดด้านยาเสพติด รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวระหว่างกัน ทำให้กรมศุลกากรสามารถตรวจค้นและสกัดกั้นสินค้าต้องสงสัยได้ตั้งแต่ต้นทาง ก่อนเข้าสู่กระบวนการศุลกากร 



มิติที่ 2 ความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ สร้างพันธมิตรกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น สำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (Australia Border Force: ABF) กองกำลังป้องกันชายแดนแห่งสหราชอาณาจักร (UK Border Force: UKBF) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ศุลกากรนิวซีแลนด์ เกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา รวมถึง สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (DEA) และสำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและปฏิบัติการร่วมกัน หรือ Joint Operation เพื่อสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ



มิติที่ 3 การสืบสวนขยายผลและการดำเนินคดี กรมศุลกากร จะไม่ยุติการดำเนินการเพียงแค่การยึดยาเสพติด 

ณ จุดผ่านแดนเท่านั้น แต่จะรวบรวมข้อมูลผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายใต้คณะทำงาน

สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าอากาศยĺานสากล (Airport Interdiction Task Force: AITF) และท่าเรือสากล 

(Seaport Interdiction Task Force: SITF)  ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 

และการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับสืบสวนและดำเนินคดี  เพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมยาเสพติดทั้งระบบ


จากมาตรการทั้ง 3 มิติที่ได้กล่าวมา กรมศุลกากรได้กำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ไว้เพื่อรองรับและขับเคลื่อนมาตรการในการป้องกัน ปราบปราม และสกัดกั้นการลักลอบยาเสพติด ให้เห็นผลภายใน 4 เดือน เช่น


1. ปฏิบัติการความร่วมมือกับสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย เพื่อป้องกันและปราบปรามด้านยาเสพติด ไม่ให้ไทยถูกใช้เป็นฐานลักลอบยาเสพติดส่งไปออสเตรเลีย โดยเริ่มปฏิบัติการวันในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568


2. ปฏิบัติการร่วมกับศุลกากรเกาหลีใต้ ในลักษณะเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2569


3. การขยายพื้นที่การใช้สุนัขดมกลิ่น (K-9) เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติงานหลัก เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง คลังสินค้าสุวรรณภูมิ ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่และสุวรรณภูมิ รวมถึงคลังสินค้าของผู้ให้บริการขนส่งเอกชน

 

4. เปิดศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภาคใต้ (Narcotics and Contrabands Interdiction Unit) ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ในต้นเดือนธันวาคม 2568 เพื่อสกัดการลักลอบขนยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายผ่านสนามบินรอง ด้วยระบบตรวจสอบผู้โดยสารที่ทันสมัย



อย่างไรก็ดี การปราบปรามยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย เป็นภารกิจที่กรมศุลกากรไม่อาจดำเนินการ

ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้โดยลำพัง จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานต่าง ๆ 

ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงภาคธุรกิจการขนส่ง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดและทำลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ การบูรณาการดังกล่าวช่วยให้การปราบปรามยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายอื่น ๆ 

มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยกรมศุลกากรจะมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือและประยุกต์

ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อปกป้องประเทศจากภัยเหล่านี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad