HPE พลิกโฉมวงการเน็ตเวิร์กกิ้งด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์กลุ่ม AI-native เดินหน้าสู่ยุคใหม่ของการปฏิบัติการด้านไอทีด้วยกลยุทธ์เครือข่ายอัตโนมัติ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568

HPE พลิกโฉมวงการเน็ตเวิร์กกิ้งด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์กลุ่ม AI-native เดินหน้าสู่ยุคใหม่ของการปฏิบัติการด้านไอทีด้วยกลยุทธ์เครือข่ายอัตโนมัติ

 

HPE รุดหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากเข้าซื้อกิจการ Juniper โดยนำเสนอฟีเจอร์ AIOps ที่ทำงานได้อย่างสอดคล้องกับแพลตฟอร์ม HPE Aruba Networking และ HPE Juniper Networking และความสามารถในการตรวจสอบ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา (Observability) ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในการประมวลผล การจัดเก็บ การสร้างเครือข่าย และคลาวด์

 

กรุงเทพมหานคร – 4 ธันวาคม 2568 – HPE Discover Barcelona 2025 – HPE (NYSE: HPE) เดินหน้าต่อยิดความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและเป็น AI-native โดยผสานศักยภาพของ HPE Aruba Networking และ HPE Juniper Networking เพื่อรองรับการปฏิบัติการแบบอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขนาดเวิร์กโหลด AI ได้ในระดับสูงสุด การขยายพอร์ตโฟลิโอในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการผสานรวม Juniper Networks เข้ากับ HPE ซึ่งเกิดขึ้นเพียงห้าเดือนหลังจากการปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ Juniper

 

การขยายพอร์ตโฟลิโอเพิ่มเติมนี้ประกอบด้วยคุณสมบัติ AIOps ใหม่ ๆ และฮาร์ดแวร์ทั่วไปที่มอบประสบการณ์การทำงานแบบอัตโนมัติอย่างสอดคล้องกันตลอดทั้งบนแพลตฟอร์ม HPE Aruba Networking Central และ HPE Juniper Networking Mist เมื่อรวมเข้ากับการอัปเดต HPE OpsRamp Software และการเปิดตัวระบบสวิตชิ่งและระบบเราต์ติ้ง HPE Juniper Networking ใหม่ ทำให้ HPE สามารถขยายบทบาทของเครือข่ายในฐานะรากฐานสำคัญที่ประสานการทำงานของ AI และ คลาวด์เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ลดความซับซ้อนของการปฏิบัติงานด้านไอทีในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดโดยใช้ Agentic AI ที่ใช้งานร่วมกับ GreenLake Intelligence ได้


 


 

“ในยุค AI ลูกค้าต้องการเครือข่ายที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับ AI และเพื่อให้ AI สามารถรับมือกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์เชื่อมต่อ สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน และภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น HPE จะส่งมอบเครือข่ายอัตโนมัติประสิทธิภาพสูง เพราะเราพร้อมที่จะพลิกโฉมวงการเครือข่าย ด้วยโซลูชันที่มีความพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งจะสร้างนิยามประสบการณ์ผู้ใช้ใหม่ และให้การเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งและปลอดภัยในทุกสภาพแวดล้อม” รามิ ราฮิม รองประธานบริหาร, ประธาน และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเครือข่ายของ HPE กล่าว

 

HPE รุดหน้าด้วยเครือข่ายอัตโนมัติด้วย AIOps แบบรวมศูนย์ ทั้ง HPE Aruba Networking และ HPE Juniper Networking

 

ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ HPE ได้แสดงให้เห็นความสามารถในการนำเอาสิ่งที่ดีที่สุดของ HPE Aruba Networking Central และ HPE Juniper Networking Mist มารวมกันได้ โดยใช้ประโยชน์จากขอบข่ายงาน agentic AI และไมโครเซอร์วิสทั่วไปเพื่อให้ความคุ้มครองแก่การลงทุน ในขณะเดียวกันก็ผสานรวม AI ที่สำคัญสำหรับคุณสมบัติเครือข่ายเพื่อประสบการณ์ที่สม่ำเสมอสอดคล้องกัน และเปิดตัว AI ใหม่สำหรับคุณสมบัติของเครือข่ายในทั้งสองโดเมน:

 

  • HPE Juniper Networking Mist Large Experience Model (LEM) ซึ่งใช้จุดข้อมูลนับพันล้านจุดจากแอปต่าง ๆ เช่น Zoom และ Teams รวมกับข้อมูลสังเคราะห์จากแบบจำลองดิจิทัล (Digital Twin) เพื่อตรวจจับ แก้ไข และคาดการณ์ปัญหาวิดีโออย่างรวดเร็ว พร้อมใช้งานใน HPE Aruba Networking Central แล้ว
  • เทคโนโลยี Agentic Mesh ของ HPE Aruba Networking จะพร้อมใช้งานสำหรับ Mist ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับความผิดปกติ และการวิเคราะห์สาเหตุหลักด้วยการใช้เหตุผลขั้นสูง และการดำเนินการแบบอัตโนมัติหรือการดำเนินการเชิงช่วยเหลือ
  • Mist จะนำข้อมูลเชิงลึกขององค์กรและมุมมอง NOC ทั่วโลกจาก HPE Aruba Networking Central มาใช้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่สม่ำเสมอตรงกันบนทั้งสองแพลตฟอร์ม
  • รุ่นจุดเชื่อมต่อ WiFi-7 ใหม่ สามารถทำงานร่วมได้ทั้งกับ HPE Aruba Networking Central และ HPE Juniper Networking Mist จึงให้การปกป้องแก่ผู้ซื้อ

 

HPE Aruba Networking Central On-Premises 3.0 มาพร้อมความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกอันทรงพลังและระบบอัตโนมัติแก่ลูกค้าในสภาพแวดล้อมภายในสถานที่ติดตั้งระบบที่มีความปลอดภัย โดยผสานรวมคุณสมบัติ AIOps แบบดั้งเดิมและแบบสร้างสรรค์ขั้นสูง การแจ้งเตือน AI ที่ดำเนินการได้ การแก้ไขเชิงรุก ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าแบบอัจฉริยะ และการค้นหาเอกสารที่ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้สามารถจัดการผ่านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ได้รับการออกแบบใหม่

HPE ขยายเครือข่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ AI ด้วยสวิตช์ OEM ตัวแรกเพื่อใช้ประโยชน์จากซิลิคอน Broadcom Tomahawk 6

 

เครือข่ายประสิทธิภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรันเวิร์กโหลด AI โดยการประมวลผลเพื่อการอนุมาน AI จะเคลื่อนไปยังขอบเครือข่าย การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยขับเคลื่อนโดยความหน่วง ความเป็นส่วนตัว และปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ และก่อให้เกิดความต้องการสวิตช์และเราเตอร์ประสิทธิภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องการประสิทธิภาพการประมวลผลที่เร็วขึ้น HPE จึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้

 

  1. สวิตช์ HPE Juniper Networking QFX5250 ซึ่งเชื่อมต่อ GPU ภายในศูนย์ข้อมูลเข้ากับสวิตช์ Ultra Ethernet Transport ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก QFX5250 สร้างขึ้นบนชิปซิลิคอน Broadcom Tomahawk 6 มาพร้อมแบนด์วิดท์ 102.4Tbps ผสานนวัตกรรม Junos ของ HPE Juniper Networking ความเป็นผู้นำด้านระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวของ HPE และระบบอัจฉริยะ AIOps เพื่อมอบประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และการทำงานที่ง่ายขึ้นสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ยุคใหม่
  2. เราเตอร์เอดจ์มัลติเซอร์วิส HPE Juniper Networking MX301 ช่วยให้การอนุมาน AI เข้าใกล้แหล่งข้อมูลมากขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการประสิทธิภาพที่สูงจากเอดจ์เราเตอร์ โดยเราเตอร์ 1RU ขนาดกะทัดรัดนี้ให้ประสิทธิภาพการทำงานถึง 1.6 Tbps และการเชื่อมต่อ 400G ครอบคลุมทั้งสภาพแวดล้อมการอนุมาน มัลติเซอร์วิส พื้นที่ผู้ใช้หนาแน่น การเชื่อมต่อกับเครือข่ายหลักของมือถือ และระบบกำหนดเส้นทางข้อมูลภายในองค์กร

 

HPE ประกาศขยายความร่วมมือกับ NVIDIA และ AMD ด้วยนวัตกรรมเครือข่ายใหม่

นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่จะจัดงาน HPE Discover Barcelona 2025 บริษัท HPE ยังได้เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายประสิทธิภาพสูงใหม่ร่วมกับNVIDIA และ AMD เพื่อเร่งการปรับใช้ AI ได้แก่

 

  1. โซลูชันของ HPE สำหรับ AI Factory ได้ขยายขีดความสามารถให้ครอบคลุมการเชื่อมต่อแบบ HPE Juniper Networking edge on-ramp และการเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลระยะไกล (long-haul data center interconnect: DCI) โดยใช้แพลตฟอร์มเราเตอร์ความเร็วสูง HPE Juniper Networks MX และ PTX เพื่อรองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ มีความปลอดภัยสูง และมีความหน่วงต่ำ จากผู้ใช้ อุปกรณ์ และเอเจนต์ ไปยัง AI Factory รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อระหว่างคลัสเตอร์ที่กระจายอยู่ในระยะไกลหรือบนหลายคลาวด์ ความสามารถใหม่เหล่านี้ช่วยเสริมให้โซลูชันเน็ตเวิร์กสำหรับ AI Factory ของ HPE สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มอีเทอร์เน็ต NVIDIA Spectrum-X และหน่วยประมวลผลข้อมูล NVIDIA BlueField-3 DPU เพื่อมอบประสบการณ์ประมวลผลงาน (workload experience) ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าครอบคลุมหลายรูปแบบการใช้งานจริง
  2. HPE ยังได้ประกาศเปิดตัวสถาปัตยกรรม AI ระดับแร็ก AMD “Helios” ซึ่งมาพร้อมระบบเครือข่ายอีเทอร์เน็ตแบบขยายขนาดได้ (Scale-up) ครั้งแรกของวงการ โซลูชันนี้เป็นแร็กแบบเบ็ดเสร็จแร็กเดี่ยวที่รองรับการเทรน AI ได้ถึงล้านล้านพารามิเตอร์และอนุมานปริมาณมาก และให้แบนด์วิดท์แบบขยายขนาดถึง 260 เทราไบต์ และประสิทธิภาพ FP4 2.9 เอ็กซาฟล็อป (Exaflop) สวิตช์ขยายขนาด HPE Juniper Networking ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะนี้ พัฒนาขึ้นร่วมกับ Broadcom รวมถึงซอฟต์แวร์ ซึ่งนับเป็นสวิตช์รุ่นแรกในวงการที่เพิ่มประสิทธิภาพการเทรนและการอนุมาน AI โดยใช้อีเทอร์เน็ตตามมาตรฐาน

 

นวัตกรรม HPE ใน AIOps ช่วยรวมการปฏิบัติงานด้าน IT ให้เป็นหนึ่งเดียว และลงมือปฏิบัติในโลกไฮบริด

 

HPE รุดหน้าในการพัฒนากลยุทธ์คลาวด์แบบไฮบริดและ Agentic AIOps ด้วยความก้าวหน้าที่แสดงจุดแข็งที่มีเอกลักษณ์ของ HPE ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกแบบเต็มสแต็ก มัลติโดเมน และผู้ให้บริการหลายราย ภายในโมเดลทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงระบบคลาวด์สาธารณะ และด้วยการปรับปรุง HPE OpsRamp Software เพิ่มเติม และการผสานรวมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับ GreenLake ทำให้ HPE สามารถรวมระบบตรวจวัดระยะไกล (Telemetry) จาก HPE Compute Ops Management, HPE Aruba Networking Central และ HPE Juniper Networking Apstra เข้าด้วยกันได้ เพื่อให้ทีมปฏิบัติการIT สามารถดู วิเคราะห์ และดำเนินการทุกอย่างในสภาพแวดล้อมของตนได้จากศูนย์งานเพียงแห่งเดียว ซึ่งเป็นรากฐานของศูนย์บัญชาการแบบไฮบริดที่แท้จริง

 

นวัตกรรมใหม่เชื่อมโยงการบริหารจัดการและข้อมูลเชิงลึกทั่วทั้งระบบ ซึ่งช่วยให้ทีม IT สามารถตรวจสอบติดตาม ทำความเข้าใจ และดำเนินการได้อย่างทันทีในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดทั้งหมด ได้แก่

 

  • การผสมผสานซอฟต์แวร์ Apstra Data Center Director และ Data Center Assurance พร้อมกับ OpsRamp ของ HPE Juniper Networking ซึ่งมีให้บริการผ่าน GreenLake ช่วยให้มีการตรวจสอบ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา (Observability) ได้แบบเต็มสแต็ก รวมถึงการรับประกันเชิงคาดการณ์ และการแก้ไขปัญหาเชิงรุกในด้านการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล เครือข่ายและคลาวด์
  • นวัตกรรม Compute Ops Management ใหม่ รวมถึงการผสานรวม OpsRamp, Compute Copilot และการวิเคราะห์สาเหตุหลักด้วยตัวเอง เพื่อรวมศูนย์กลางการมองเห็นข้อมูล (Visibility) เร่งความเร็วในการแก้ไขปัญหา และยกระดับประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติงาน
  • การรองรับ Agentic Root Causing และ Model Context Protocol (MCP) (จำนวนจำกัด) ทั้งใน GreenLake และ HPE OpsRamp Software ช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อเอเจนต์ AI จากซอฟต์แวร์ของบริษัทภายนอกเพื่อการผสานรวมแบบไม่ต้องใช้โค้ด และเพิ่มบริบทให้กับเอเจนต์เหล่านั้น ซึ่งช่วยให้ GreenLake Intelligence มองเห็นจุดบอดในสภาพแวดล้อมแบบไดนามิกได้
  • คุณสมบัติ GreenLake Intelligence ใหม่ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และการดำเนินการตามคำแนะนำด้วยเอเจนต์ AI ใหม่สำหรับ HPE Sustainability Insight Center, GreenLake Wellness Dashboard และ OpsRamp Agentic Root Causing ซึ่งช่วยเชื่อมโยงไซโลข้อมูลและเปิดใช้งานการวิเคราะห์เอเจนต์แบบทั่วทั้งระบบไอทีทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน (Full IT stack)

 

สินเชื่อดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์ใหม่ ช่วยลดอุปสรรคในการนำระบบเครือข่ายแบบ AI-native มาใช้

 

HPE Financial Services (HPEFS) ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถปรับเปลี่ยนระบบของตนไปสู่ระบบเครือข่าย AI-native ได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อเสนอใหม่สองรายการ โดย HPEFS จะให้สินเชื่อดอกเบี้ย 0% สำหรับลูกค้าที่ซื้อซอฟต์แวร์เครือข่าย AIOps รวมถึง HPE Juniper Networking Mist ผ่านระบบใบอนุญาตแบบมีกำหนดระยะเวลา นอกจากนี้ HPEFS ยังมีโปรแกรมสินเชื่อพิเศษที่ให้ส่วนลดที่ช่วยประหยัดได้ 10% สำหรับลูกค้าที่เช่าระบบเครือข่ายที่รองรับเวิร์กโหลด AI ซึ่งรวมถึงเครือข่ายศูนย์ข้อมูลและระบบกำหนดเส้นทางขององค์กร และสำหรับลูกค้าที่เปลี่ยนเทคโนโลยีเก่าเป็นแบบใหม่ เรามีตัวเลือกบริการรับซื้อจากผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม (OEM) แบบหลายราย พร้อมส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายต่อ

 

การวางจำหน่าย

  • สวิตช์ HPE Juniper Networking QFX5250 จะวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 1 ปี 2026
  • เอดจ์เราเตอร์แบบมัลติเซอร์วิส HPE Juniper Networking MX301 จะวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2025
  • ตารางเวลาในการรองรับและการผสานระบบของ HPE OpsRamp:
    • Model Context Protocol: พร้อมให้บริการแล้วสำหรับลูกค้าบางราย พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบต้นปี 2026
    • Compute Ops Management: พร้อมให้บริการเดือนธันวาคม 2025
    • Storage manager: พร้อมให้บริการเดือนกุมภาพันธ์ 2026
    • Apstra Data Center Director: พร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2026

 

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:

 

ข่าว HPE ล่าสุด:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad