แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทที่ดำเนินงานอย่างอิสระได้ผสานกรอบการดำเนินงานด้านเทคฟินและความยั่งยืนภายใต้หลักการ 6T ครอบคลุมด้านการเดินทาง (Travel) การค้า (Trade) เทคโนโลยี (Technology) การเติบโต (Thrive) การเสริมทักษะ (Talent) และการสร้างความไว้วางใจ (Trust)
บริษัทจะมุ่งเน้นด้านนวัตกรรมและความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนใน 4 เสาหลักทางธุรกิจ ได้แก่ บริการเกตเวย์กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบรวมศูนย์ระดับโลก บริการชำระเงินสำหรับผู้ค้าแบบรวมศูนย์ บริการบัญชีธุรกิจระดับโลกและบริการการเงินแบบฝังตัว
สิงคโปร์, 16 มิถุนายน 2568 – แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินดิจิทัล เทคโนโลยีการเงินและโซลูชันดิจิทัลชั้นนำระดับโลก ประกาศกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนผ่านรายงานความยั่งยืนที่จัดทำขึ้นโดยอิสระฉบับแรก
บทใหม่แห่งการเติบโต พร้อมพันธกิจและวิสัยทัศน์ใหม่ในช่วงเวลาสำคัญ
ปี 2567 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล หลังจากแยกตัวเป็นบริษัทที่ดำเนินงานโดยอิสระจากการปรับโครงสร้างองค์กรของแอนท์ กรุ๊ป โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์และสำนักงานกว่า 30 แห่งทั่วโลก แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้บริการโซลูชันการชำระเงิน พาณิชยกรรม และการเงินข้ามพรมแดน สำหรับผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน โดยเชื่อมโยงผู้ค้ากว่า 100 ล้านรายเข้ากับผู้บริโภคทั่วโลกผ่าน 4 หน่วยธุรกิจหลัก ได้แก่
บริการเกตเวย์กระเป๋าเงินดิจิทัลระดับโลก (Alipay+)
บริการชำระเงินสำหรับผู้ค้า (Antom)
บริการบัญชีธุรกิจข้ามพรมแดน (WorldFirst)
บริการการเงินแบบฝังตัว รวมถึงการจัดการเงินทุนและโซลูชันสินเชื่อ (Bettr)
พันธกิจภายใต้อัตลักษณ์องค์กรใหม่ของ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนลคือการทำให้การประกอบธุรกิจเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกและสร้างความเปลี่ยนเล็กๆ แต่งดงามให้กับโลกใบนี้ โดยมีวิสัยทัศน์ในการเป็นพันธมิตรดิจิทัลที่น่าเชื่อถือและมีนวัตกรรมสร้างสรรค์มากที่สุดเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับทุกคน
ผู้บริหารเน้นย้ำว่า ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ภัยคุกคามจากการลดโลกาภิวัตน์ และความเสี่ยงใหม่ๆ จากความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล บริษัทเทคโนโลยีจำเป็นต้องเสริมสร้างพันธกิจเพื่อสังคมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ใช่ลดลง และต้องแสดงออกผ่านการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม "เสียงเรียกร้องให้ชุมชนเทคโนโลยีดิจิทัลลงมือปฏิบัติจริงไม่เคยเร่งด่วนเท่านี้มาก่อน เราต้องเร่งทำงานเพื่อให้มั่นใจว่านวัตกรรมส่งผลประโยชน์ต่อผู้คนจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงไม่กี่คน เพื่อให้เราสามารถสร้างเศรษฐกิจโลกที่ยั่งยืนสำหรับทุกคนได้อย่างแท้จริงสำหรับคนรุ่นต่อไป" เอริค จิง ประธานกรรมการแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
หยาง เผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และดักลาส ฟีกิน ประธานบริษัทแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า "พวกเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าด้วยความพยายามด้านความยั่งยืนและธุรกิจ ผสานกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ใช้ได้จริง จะสามารถสร้างและส่งเสริม ‘โลกาภิวัตน์รูปแบบใหม่’ ที่เปิดกว้างและครอบคลุมผู้คนทุกกลุ่มได้มากยิ่งกว่าเดิม"
หลักการ 6T มุ่งเน้นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก เพื่อการเติบโตที่ครอบคลุมทุกคนและการค้าโลกรูปแบบใหม่
กรอบงานความยั่งยืนใหม่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าให้ทั้งสังคมและธุรกิจใน 6 ด้านหลัก โดยรายงานนี้แสดงผลงานสำคัญในปี 2567 ดังนี้
เชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกผ่านการเดินทาง (Travel)
เสริมแกร่งพลังการค้า (Trade) ของโลก
ช่วยกลุ่มคนที่ยังไม่เข้าถึงบริการต่างๆ ให้มีโอกาสเติบโต (Thrive)
ใช้เทคโนโลยี (Technology) ขับเคลื่อนนวัตกรรมแบบเปิด
พัฒนาบุคลากร (Talent) ในแวดวงดิจิทัลเพื่อรองรับการเติบโตในประเทศ
เสริมสร้างความไว้วางใจ (Trust) เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่ง
การชำระเงิน: ส่งเสริมการเชื่อมโยงระดับโลกผ่านการเดินทางและการค้า
ด้านการเดินทาง Alipay+ มอบตัวเลือกการชำระเงินที่ทุกคนทั่วโลกเข้าถึงได้ โดยมีบัญชีผู้ใช้มากกว่า 1.7 พันล้านบัญชี ผ่านพันธมิตรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พันธมิตรด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ 36 แห่ง และพันธมิตรผู้ให้บริการระบบ QR โค้ดระดับชาติ 6 แห่ง โดยกว่า 90% ของผู้ค้าออฟไลน์ที่ใช้ Alipay+ เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก
ด้านการค้า WorldFirst ช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กกว่า 1.2 ล้านราย สามารถขายสินค้าและบริการในตลาดมากกว่า 200 แห่ง และประมวลผลการชำระเงินรวมมูลค่าประมาณหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกว่า 100 สกุลเงินในปี 2567
ด้านพาณิชย์กรรมดิจิทัล โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยผู้ค้าลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมความปลอดภัย โดย Antom Copilot ผู้ช่วย AI ด้านการชำระเงิน สามารถลดระยะเวลาการเชื่อมต่อระบบชำระเงินได้ถึง 90%
บริการอื่นๆ: ส่งมอบเทคโนโลยีสำหรับทุกคนเพื่อให้ SMEs เติบโต
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี Wallet Tech แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนลช่วยเร่งการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนให้กับพันธมิตร 31 รายใน 23 ตลาด โดยปัจจุบัน บริษัทได้มุ่งพัฒนาโซลูชันฟินเทคขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างการเติบโตและเสริมความปลอดภัยให้ผู้ค้าและพันธมิตร
บริการทางการเงินแบบฝังตัว (Embedded Finance) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
Falcon โมเดล FX รูปแบบ Time-Series Transformer (TST) ที่ล้ำสมัย ช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กรับมือกับความผันผวนของสภาพคล่องข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยความแม่นยำในการคาดเดาความต้องการรายชั่วโมงมากกว่า 90%
ในปี 2567 โซลูชันเทคโนโลยีสินเชื่อ (Credit Tech) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ธนาคาร ANEXT และธนาคารแอนท์ (ฮ่องกง) ได้ช่วยขยายบริการสินเชื่อและบริการทางการเงินที่ครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 15 ล้านรายในตลาดเกิดใหม่โดยส่วนใหญ่เป็นชุมชนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก
ความร่วมมือในการสร้างความเชื่อมั่นและการพัฒนาบุคลากร เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน
แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล องค์กรระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินกว่า 1,000 แห่ง เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่น่าไว้วางใจและมีความพร้อมสำหรับอนาคต บริษัทได้ลงทุนใน 2 เสาหลักด้านการสร้างความเชื่อมั่น ได้แก่ โครงสร้างการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่แข็งแกร่งและครอบคลุม และประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย AI พร้อมโซลูชัน โดยบริษัทได้เริ่มนำความสามารถด้าน AI ที่น่าเชื่อถือ เช่น ความเชี่ยวชาญในการตรวจจับ Deepfake มาใช้ช่วยเหลือชุมชนในวงกว้างตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นมา
ความร่วมมือดังกล่าวได้ขยายไปสู่ชุมชนอื่นๆ และโครงการระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น การรับรองความยั่งยืนและนวัตกรรมการเงินสำหรับ MSME ไปจนถึงการวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเสริมความเป็นส่วนตัวเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจด้านดิจิทัล ตลอดถึงโครงการ 10x1000 Tech for Inclusion ที่ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 7 ได้ฝึกอบรมด้านฟินเทคและนวัตกรรมดิจิทัลให้กับบุคลากร 7,157 คนจาก 110 ประเทศและภูมิภาค
ก่อนหน้านี้ที่งาน Point Zero Forum ในเมืองซูริค เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ผู้นำระดับโลกและผู้กำหนดนโยบายต่างๆ ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวรายงานความยั่งยืนฉบับแรกของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมี ซิง เชียง เลียง รองผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานกำกับดูแลการเงินสิงคโปร์ (MAS) เป็นแขกผู้มีเกียรติและกล่าวเปิดงาน
แนน หลี่ คอลลินส์ ประธานโครงการ UN Sustainable Stock Exchange Initiative ที่เข้าร่วมในฐานะวิทยากรหลัก ได้แสดงความเห็นสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในการสร้างการเข้าถึงที่เท่าเทียมและโอกาสการเติบโตสำหรับ SMEs ผ่านการค้า พร้อมกล่าวว่า "แม้เศรษฐกิจดิจิทัลจะเฟื่องฟู แต่ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ยังคงต้องเผชิญช่องว่างในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งเป็นความท้าทายที่เราต้องร่วมมือกันแก้ไขเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านสู่การเติบโตที่ยั่งยืนระดับโลก"
เฉิน เหล่ยหมิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า "ความยั่งยืนต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้จึงจะมีประสิทธิภาพ ที่แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เราผสานความยั่งยืนเข้ากับการสร้างสรรค์นวัตกรรม การดำเนินงาน และการเติบโตธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลลัพธ์ทางธุรกิจจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมในระยะยาว"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น