SUPER สตรอง! ทริสฯ คงเครดิตองค์กรระดับ “BBB” ตอกย้ำคุณภาพพอร์ตโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 1.4 GW หนุนกระแสเงินสดมั่นคง เดินหน้าขยายการลงทุน ดันอนาคตเติบโตยั่งยืน - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

SUPER สตรอง! ทริสฯ คงเครดิตองค์กรระดับ “BBB” ตอกย้ำคุณภาพพอร์ตโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 1.4 GW หนุนกระแสเงินสดมั่นคง เดินหน้าขยายการลงทุน ดันอนาคตเติบโตยั่งยืน

 


SUPER ทริสเรทติ้ง ประกาศอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) ที่ระดับ “BBB สะท้อนความแข็งแกร่งของพอร์ตโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่รวมกว่า 1.4 กิกะวัตต์ และกระแสเงินสดที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟระยะยาว ฟาก CEO “จอมทรัพย์ โลจายะ” ระบุเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อความเชื่อมั่น ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ รุกขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนสร้างรายได้เพิ่มผลักดันอนาคตเติบโตมั่นคง

 

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ SUPER  เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS) คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทฯ ที่ระดับ “BBB” และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ ที่ระดับ “BBB-“ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”จากความแข็งแกร่งของสินทรัพย์ด้านการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ของบริษัทฯ รวมถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว

 

การคงอันดับเครดิตครั้งนี้สะท้อนจุดแข็งสำคัญ ทั้งด้านสินทรัพย์ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่กว่า 1.4 กิกะวัตต์ ครอบคลุมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และขยะ โดยเฉพาะโซลาร์ฟาร์มที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งคิดเป็น 95% ของกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว ช่วยลดความผันผวนของรายได้และเสริมเสถียรภาพทางการเงินอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะเดียวกัน สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาว 20–25 ปี กับผู้ซื้อไฟฟ้าภาครัฐในไทยที่มีอันดับเครดิต “AAA” และกับการไฟฟ้าเวียดนาม( EVN) ช่วยให้รายได้ของบริษัทฯ มีความแน่นอนสูงในระยะยาว

 

ทั้งนี้ แผนการขายสินทรัพย์ของ SUPER ได้แก่ โซลาร์ฟาร์มในไทย 98 เมกะวัตต์  และโรงไฟฟ้าลมเวียดนาม 50 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2569 จะทำให้บริษัทฯ รับรู้กระแสเงินสดประมาณ 5,000 ล้านบาท และกำไรประมาณ 2,000 ล้านบาท ประกอบกับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน จะเป็นปัจจัยหนุนด้าน สภาพคล่องและการลดภาระหนี้สิน อย่างมีนัยสำคัญ

 

นอกจากนี้ ทริสฯ ประเมินว่าช่วงปี 2568–2570 บริษัทฯ จะมีผลการดำเนินงานแข็งแรงต่อเนื่อง โดยคาดว่า รายได้เฉลี่ยปีละ 8,500 ล้านบาท และมี EBITDA ราว 6,000 ล้านบาท มีอัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ประมาณ 70%

 

ด้านอัตราหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA คาดว่าจะลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 6 เท่า ในปี 2569-2570 จากระดับประมาณ 7 เท่า ในปี 2568 แรงหนุนหลักมาจากการรับชำระหนี้ค้างจาก EVN กระแสเงินสดที่ดีขึ้นและเงินสดจากการขายสินทรัพย์

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน SUPER มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จำนวน 2,169.39 เมกะวัตต์ ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 1,486.71 เมกะวัตต์  ซึ่งการที่ TRIS คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทฯ ที่ระดับ “BBB” จะเป็นปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่น และทำให้ต้นทุนทางการเงินแกร่ง ขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน  การต่อยอดธุรกิจ เพื่อรายได้ที่เติบโตในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad