มจธ. ราชบุรี เปิดโมเดล “อาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน (อศม.)” กลไกหยุดเด็กหลุดจากระบบ สู่เป้าหมาย Thailand Zero Dropout มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568

มจธ. ราชบุรี เปิดโมเดล “อาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน (อศม.)” กลไกหยุดเด็กหลุดจากระบบ สู่เป้าหมาย Thailand Zero Dropout มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)

 


จังหวัดราชบุรีคือหนึ่งในพื้นที่ที่สะท้อนปัญหา “เด็กหลุดจากระบบการศึกษา” ได้ชัดเจนพื้นที่หนึ่งของประเทศ สถิติในปี 2567 พบว่ามีเด็กกว่า 13,000 คน ที่ไม่มีชื่อในระบบการศึกษา (ข้อมูลจาก Thailand Zero Dropout) ส่วนใหญ่เกิดจากบริบทด้านเศรษฐกิจและสังคม เด็กจำนวนมากต้องอยู่ในภาวะ “ชีวิตบังคับ” ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ดูแลผู้สูงอายุ หรือมีภาระทางเศรษฐกิจกดทับจนเรื่อง “การเรียน” ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ซึ่งทำให้เด็กหลายคนค่อย ๆ หายไปจากห้องเรียนโดยไม่มีใครรู้ตัว

ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (ราชบุรี) เข้าไปทำงานด้านการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลภายใต้แผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเริ่มจากการสนับสนุนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 5 แห่งในจังหวัดราชบุรีในขณะนั้น ทั้งด้านปรับปรุงห้องเรียน หอพัก สนับสนุนคอมพิวเตอร์และสอนให้นักเรียนรู้จักการใช้งานและซ่อมแซมเบื้องต้นด้วยตนเอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) พบว่าปัญหาการศึกษาไม่ได้อยู่เพียงในโรงเรียน แต่เชื่อมโยงกับบริบทของชุมชนและครอบครัว โดยเฉพาะช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างรุนแรง เมื่อโรงเรียนให้เด็กเรียนออนไลน์จากที่บ้าน แต่เด็กจำนวนมากขาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ผู้ปกครองไม่สามารถช่วยเหลือการเรียนของลูกที่บ้าน ทำให้เกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Learning Loss) เพื่อหาทางออก มจธ. ราชบุรี จึงขยับบทบาทจาก“ผู้สนับสนุน” สู่ “ผู้สร้างนวัตกรรมกลไกการศึกษาระดับชุมชน” เพื่อปิดช่องว่างปัญหาเท่าที่จะทำได้

ดร.กฤษณพงษ์ กีรติกร ที่ปรึกษา มจธ. ได้ให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยใช้กลไกอาสาสมัครการศึกษา โดยศึกษาจากการทำงานของ “อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน” (อสม.) ที่สามารถขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพระดับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดจึงถูกต่อยอดสู่การสร้าง “อาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน” หรือ อศม. เพื่อให้มีคนในพื้นที่ที่มีความรู้ เช่น ผู้จบ ม.6 หรือปริญญาตรี เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครู เชื่อมโยงโรงเรียนกับชุมชนและครอบครัว

มจธ. ราชบุรี นำร่อง กลไก อศม. ใน 5 โรงเรียนอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี และต่อมาได้ขยายไปในโรงเรียนอื่นในพื้นที่ชายขอบ ดร.รัตนา รุ่งศิริสกุล อาจารย์ประจำ มจธ. ราชบุรี อธิบายว่า “อศม. เป็นกลไกที่ช่วยสนับสนุนครูในการสนับสนุนการเรียนของเด็กในพื้นที่ห่างไกล อศม.จะได้รับการพัฒนาทักษะทั้งด้านเทคนิคการจัดการเรียนรู้ การใช้คู่มือสอนภาษาไทยสำหรับผู้ไม่ใช่ครู เพื่อช่วยแก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ รวมถึงลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน ติดตามเด็กกลุ่มเสี่ยง และจัดกิจกรรมเสริมทักษะพื้นฐานให้กับเด็กในชุมชน ถือเป็นก้าวสำคัญของการสร้าง “กลไกการศึกษาโดยคนในพื้นที่” ที่มุ่งให้เด็กทุกคนมีโอกาสเรียนรู้อย่างเท่าเทียม”

ความสำเร็จของ “อศม.” ได้ถูกต่อยอดสู่การทำงานเชิงระบบผ่านทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริม ววน. และหน่วยบริหารและจัดการทุนพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) พัฒนาเป็นโครงการ "การพัฒนาระบบอาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา สร้างโอกาสการประกอบอาชีพ และลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชายขอบ: กรณีศึกษาอําเภอจอมบึง-สวนผึ้ง-บ้านคา จังหวัดราชบุรี” กลไกอาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน (อศม.) ต่อมาเป็นกลไกสำคัญในการทำงานและสนับสนุนเป้าหมายระดับชาติในโครงการ “Zero Dropout” เพื่อแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแสนสิริ ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยมีจังหวัดราชบุรีเป็นพื้นที่นำร่องในการขับเคลื่อน

“การค้นหาเด็กหลุดจากระบบใช้วิธี “เดินเท้าเคาะประตูบ้าน” โดยอาศัยเครือข่ายท้องถิ่น ได้แก่ อสม. สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู กศน. และอศม. ทำให้ได้ข้อมูลเด็กหลุดจากระบบจำนวน ประมาณ 400 คน ใน 5 อำเภอ ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ข้อมูลที่ได้จากการเดินเท้าในชุมชนมีความละเอียดและถูกต้องกว่า เพราะเราเห็นเด็กจริง ๆ และช่วยตรวจทานข้อเท็จจริงกับข้อมูลเด็กหลุดออกจากโรงเรียนที่สำรวจพบจากข้อมูลทะเบียน

โครงการ Zero Dropout จังหวัดราชบุรี นอกจากการนำเด็กกลับเข้าสู่โรงเรียนแล้ว โครงการยังได้ริเริ่มแนวคิด 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ จัดการเรียนทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อทำให้การเรียนรู้มีความยืดหยุ่น รองรับเด็กที่ไม่สามารถมาเรียนได้ครบทุกวันเนื่องจากต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน โดยเปิดโอกาสให้เด็กสามารถเรียนจากที่บ้าน หรือเรียนตามอัธยาศัยที่มีการจัดทำหลักสูตรเฉพาะ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับโอกาสการเรียนและสามารถเรียนต่อจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

นอกจากนั้น มจธ.ราชบุรี ยังได้ทำงานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 เพื่อพัฒนาหลักสูตรสมรรถนะอาชีพ เป็นหลักสูตรที่เชื่อมโยงการเรียนรู้กับ "ปากท้องและอาชีพ" ในชุมชน เช่น การเลี้ยงไก่, การเลี้ยงปลา, การปลูกผัก, การทำสบู่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่บูรณาการทั้งความรู้ (Knowledge), ทักษะ (Skill) และทัศนคติ (Attitude) หรือ K-S-A หลักสูตรนี้ถูกพัฒนาในรูปแบบคู่มือเพื่อให้โรงเรียนในพื้นที่อื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ซึ่งเอื้อต่อการขยายผลไปยังพื้นที่ที่มีบริบทคล้ายราชบุรี เช่น น่าน อมก๋อย หรือ ตาก

ในเชิงระบบ มจธ.ราชบุรี ร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการจัดตั้งสมัชชาการศึกษาจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นกลไกการทำงานคู่ขนานกับกลไกภาครัฐเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากโรงเรียน และบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

ทั้งนี้ อาจารย์รัตนา ย้ำว่า "คำว่า Zero Dropout ไม่ได้หมายถึงไม่มีเด็กหลุดออกจากโรงเรียนเลย แต่หมายถึงว่าเด็กทุกคนต้องมีกลไกติดตามให้เด็กอยู่ในสายตา เราต้องรู้ว่าเด็กอยู่ที่ไหน อยู่ในสถานะใด และทำอย่างไรให้เขาได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เหมาะสมที่สุด"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad