CEA ผลักดันประเทศไทยสู่ Creative Nation อุตสาหกรรมสร้างสรรค์โต 1.44 ล้านล้านบาท กระจายโอกาสสร้างสรรค์ทั่วประเทศ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568

CEA ผลักดันประเทศไทยสู่ Creative Nation อุตสาหกรรมสร้างสรรค์โต 1.44 ล้านล้านบาท กระจายโอกาสสร้างสรรค์ทั่วประเทศ

 


สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA สรุปผลการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในปี 2567 โดยในปี 2566 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 15 สาขาหลักของไทยมีมูลค่ารวม อยู่ที่ 1.44 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.01% ของ GDP ประเทศ พร้อมการจ้างงานเกือบ 1 ล้านคน สะท้อนศักยภาพที่เติบโตต่อเนื่องผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก พบว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ได้กว่า 3,119 ล้านบาท พัฒนาผู้ประกอบการมากกว่า 10,000 ราย เพิ่มรายได้เฉลี่ย 30% และผลักดันศิลปินไทยสู่เวทีนานาชาติกว่า 11 ประเทศ สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะ ‘Creative Nation’ ที่ใช้วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม 

ปัจจุบันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ด้วยบทบาทของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์กรมหาชน) หรือ CEA ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ ได้ประกาศผลสำเร็จจากการดำเนินงานในปี 2567 พร้อมเดินหน้าขยายผลในปี 2568 ผ่านยุทธศาสตร์ “Creative Economy Infrastructure” ที่ส่งผลต่อทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม พร้อมตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เติบโตขึ้นอีก 5% ภายในปี 2570 โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งและขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

 

ทำไมเศรษฐกิจไทยต้อง ‘สร้างสรรค์’ ? 

เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย ความคิดสร้างสรรค์ x ทุนทางวัฒนธรรม x นวัตกรรม เพื่อพัฒนาสินค้า บริการ และธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม เสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไม่ได้แค่สร้างมูลค่า แต่ยังสร้างคุณค่า ให้กับคน เมือง สินทรัพย์ และสังคม ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่เปิดพื้นที่ให้ “ตัวตน” และ “เรื่องราว” ของแต่ละท้องถิ่นโดดเด่นขึ้นมาเป็นข้อได้เปรียบที่เลียนแบบไม่ได้ จากผลการจัดอันดับโดย BrandFinance บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ระดับโลก ระบุว่าในปี 2025 ประเทศไทยมีดัชนีการเติบโต ด้าน Soft Power อยู่ในอันดับที่ 39 ของโลก ซึ่งสะท้อนศักยภาพของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยที่เติบโตมาถูกทาง และมีแนวโน้มเสริมพลังอิทธิพลทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในระดับโลกได้ต่อเนื่อง CEA จึงวางภาพอนาคต ของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยในระยะ 10 ปี (ปี 2566-2575) โดยคาดว่าอุตสาหกรรมจะปรับตัวใน 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่ (1) Cultural Value Added พัฒนาแนวคิดสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนคุณค่า ทางวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย และเปิดตลาดเฉพาะกลุ่ม (2) Sustainability Rebalanced สร้างสมดุลใหม่ของการบริโภคและการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (3) Technological Blending for Every Scale ผสานเทคโนโลยีกับวิถีชีวิตในทุกมิติ เพื่อเปิดโอกาสใหม่ในภาคธุรกิจสร้างสรรค์ และ (4) Prosperity Downturn รับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยเหตุนี้ CEA จึงเร่งปรับทิศทางนโยบายและกลยุทธ์ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง พร้อมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตในทศวรรษหน้า

 

เปิด 3 กลยุทธ์ ‘สรรสร้าง’ คน สังคม วัฒนธรรม ธุรกิจ และเมือง ให้ ‘สร้างสรรค์’ 

เพราะ ‘คน’ คือหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ CEA จึงมุ่งเสริมศักยภาพของบุคลากรไทย ให้มีความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ และมุมมองเชิงกลยุทธ์ที่ทันต่อเทรนด์ การตลาด และบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยวางรากฐานระบบนิเวศสร้างสรรค์ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ ย่านและเมืองสร้างสรรค์ ธุรกิจสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พร้อมขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้

1. Empower Cultural Assets and Creative Cities เสริมพลังทุนวัฒนธรรมและเมืองสร้างสรรค์ โดยกลยุทธ์นี้เน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ประชาชน “มองเห็นโอกาส” และ “กลับบ้าน” มาพัฒนาบ้านเกิดผ่านความคิดสร้างสรรค์ โดยเทศกาลงานออกแบบและกิจกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคเป็นกลไกสำคัญ เช่น เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ (Bangkok Design Week) เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ (Isan Creative Festival) เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ (Southern Design Week) เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Thailand Creative District Network – TCDN) โครงการส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ไทยสู่เครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network – UCCN) และ New TCDC ซึ่งเป็นโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ในจังหวัดเป้าหมาย 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นครราชสีมา ปัตตานี พิษณุโลก แพร่ ภูเก็ต ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี โดยมีเป้าหมายเพื่อ พัฒนาทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างพื้นที่ปฏิบัติการ ทางความคิดสร้างสรรค์ ดึงคนรุ่นใหม่กลับสู่ภูมิภาคเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฐานราก โดยผลลัพธ์ปี 2567 มีผู้ประกอบการได้รับการพัฒนาแล้ว 10,374 ราย ผู้ประกอบการ SMEs มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30.92%

นอกจากนี้ในปี 2567 กลุ่มเทศกาลเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 3,119 ล้านบาท พร้อมเปิดพื้นที่ให้เกิดการต่อยอดธุรกิจและเครือข่ายเชิงพื้นที่ และมีการต่อยอดเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ระดับโลกทั้งหมด 12 เมืองสร้างสรรค์ทั่วประเทศไทย

2. Build Creative Business Competitiveness ยกระดับศักยภาพธุรกิจสร้างสรรค์ไทย ซึ่ง CEA เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทั้งภาคการผลิตและบริการ ผ่านการเติมองค์ความรู้ พัฒนาทักษะ และเชื่อมโยงโอกาสใหม่ในตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งในประเทศและระดับโลก โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ CHANGEx2 โครงการจับคู่ธุรกิจท้องถิ่นภาคบริการ และการท่องเที่ยวกับครีเอเตอร์ไทย ร่วมสร้างสรรค์แผนการดําเนินธุรกิจ (Business Model) เเละพัฒนาคอนเทนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้กับ 25 ธุรกิจ สู่การส่งเสริมการสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างยั่งยืน และ CEA Virtual Production Program เปิดตัว Virtual Media Lab ศูนย์พัฒนาทักษะด้านการผลิตสื่อ และคอนเทนต์ด้วยเทคโนโลยี Virtual Production เตรียมคนไทย ให้พร้อมกับอุตสาหกรรมดิจิทัลในยุคใหม่

3. Enter the Global Market ดันศิลปินไทยสู่เวทีโลก โดย CEA เร่งเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยให้กลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีมูลค่าส่งออกพร้อมสร้างเครือข่ายและโอกาสให้ศิลปิน ครีเอเตอร์ และนักธุรกิจสร้างสรรค์ของไทย เข้าถึงตลาดนานาชาติผ่านการพัฒนาโครงการสำคัญ อาทิ โครงการ Content Lab 2024 สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งพัฒนาศักยภาพ ของผู้สร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชัน รวมกว่า 37 โครงการ เพื่อยกระดับมาตรฐาน และสร้างโอกาสทางธุรกิจในระดับโลก พร้อมเปิดตลาดซื้อขาย และเวที Pitching Content Project Market แห่งแรกของไทย เพื่อให้นักสร้างสรรค์ได้พบกับนักลงทุน ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และโครงการ Music Exchange 2024 ปลุกกระแส Thai Music Wave สู่เวทีโลก โครงการเรือธงในการผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยสู่ระดับสากล สนับสนุน 48 ศิลปินไทยเข้าร่วมแสดง ในงานดนตรีนานาชาติ กว่า 46 เทศกาล ใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมเชิญผู้จัดเทศกาลดนตรี ผู้คัดเลือกศิลปิน และเอเจนซี่ จากต่างประเทศ กว่า 70 ราย เข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีในประเทศไทยเพื่อสร้างโอกาสต่อยอดให้วงการดนตรีไทยเกิดการเชื่อมโยงใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

กลยุทธ์นี้ไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังสร้าง “ชื่อเสียง” ให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตเนื้อหาคุณภาพ และแหล่งวัฒนธรรมร่วมสมัยที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก ทั้งยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเสริมพลัง Soft Power ของไทยให้แข็งแกร่งในระยะยาว 

 

ทิศทางปี 2568 - 2569: เดินหน้าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยที่แข็งแรง ยั่งยืน และไปสู่สากล

CEA เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยด้วยการพัฒนานิเวศสร้างสรรค์ทั้งระบบ ตั้งแต่การเปิดศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC ในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มเติมอีกกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ เพื่อบ่มเพาะทักษะคนสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ส่งเสริมผู้ประกอบการใช้เครื่องมือ Branding 4 Region และ Virtual Media Lab เพื่อเพิ่มศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก พัฒนาโครงการ Content Lab 2025 รองรับผู้ผลิตคอนเทนต์ระดับกลางกว่า 53 โปรเจ็กต์ และผลักดัน Music Exchange 2025 สร้าง ‘Thai Music Wave’ โดยสนับสนุนศิลปินไทยกว่า 30 ศิลปิน/วง/การแสดง บุกตลาดดนตรีสากล ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ทั้งการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และสินค้าไทย นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวฐานข้อมูลนักออกแบบไทย 100 รายให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก และยกระดับศักยภาพเชิงนโยบายผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ (SoftEx) เพื่อขยายอิทธิพลเชิงวัฒนธรรมไทยในเวทีโลกอย่างเป็นระบบ

CEA มุ่งมั่นเดินหน้าเสริมระบบนิเวศสร้างสรรค์ไทยให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งบุคลากร ธุรกิจ เมือง และตลาดระดับโลก เพื่อให้ Creative Economy ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็น ‘กลยุทธ์หลัก’ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad