หนุนเกษตรกรช่วงมาตรการควบคุมเวลาการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา
พร้อมจัดแคมเปญ “Thai Fruit Festival 2025 By DIT ” กระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ 7 กรกฎาคม 2568 – ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จับมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (ศูนย์ AFC) หอการค้าไทย รับซื้อกระท้อนจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี จ.สระแก้ว รวม 2 ตัน ผ่านการบูรณาการร่วมกันของภาครัฐ นำโดยกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน โดยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อน ในส่วนที่ไม่สามารถจำหน่ายให้แก่กัมพูชาได้จากมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา อีกทั้งยังวางแผนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรไทยอีกกว่า 8,000 ตัน ตลอดปี 2568 พร้อมเดินหน้าจัดแคมเปญ “Thai Fruit Festival 2025 By DIT” เพื่อส่งเสริม และกระตุ้นการบริโภคผลไม้คุณภาพในประเทศ ที่ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เดลี่ กว่า 690 สาขา ทั่วประเทศ รวมถึง “ตลาดจริงใจ Farmers’ Market” จำนวน 32 สาขา ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ท็อปส์ ผู้นำค้าปลีกที่เคียงข้างสังคมไทยในทุกช่วงเวลา มีนโยบายในการสนับสนุนเกษตรกรไทยมาโดยตลอด และจากมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา กระทรวงพาณิชย์และศูนย์ AFC หอการค้าไทย ได้ประสานห้างค้าส่ง-ค้าปลีก เพื่อช่วยรองรับผลผลิตทางการเกษตรกรณีเหลือตกค้าง และไม่สามารถส่งออกได้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาได้ ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ท็อปส์จึงได้ร่วมมือกับกรมการค้าภายในและศูนย์ AFC หอการค้าไทย รับซื้อกระท้อนกว่า 2 ตัน จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี จ.สระแก้ว และวางแผนกระจายกระท้อนไปจำหน่ายยังสาขาต่างๆ ของท็อปส์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหา ให้การสนับสนุนเกษตรกร อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้คนไทยได้สามารถเข้าถึงกระท้อนคุณภาพดีไปพร้อมกันอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ภาพรวมผลไม้ฤดูกาลไทยในปีนี้ยังคงเผชิญความท้าทายด้านการจำหน่ายผลไม้เช่นกัน โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า กลุ่มผลไม้เศรษฐกิจหลักอย่าง ทุเรียน มังคุด และลำไย ที่คาดว่าผลผลิตรวมจะสูงถึง 3.66 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 21.8% จากปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (ปี 2563-2566) ถึง 1.2 เท่า ในขณะที่ยอดขายผลไม้เศรษฐกิจหลักของไทยในปี 2568 คาดว่าจะลดลง 4.8% ด้วยปัจจัยหลักทางด้านราคา ผลผลิตผลไม้เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการบริโภคที่มีจำกัด ส่งผลให้ราคาผลไม้ปรับลดลง ท็อปส์จึงได้ร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และศูนย์ AFC หอการค้าไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร และผลักดันการกระจายผลไม้ไทยคุณภาพสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญ ‘Thai Fruit Festival 2025 By DIT’ เพื่อช่วยพยุงราคาผลไม้ ส่งเสริมการบริโภค และสนับสนุนรายได้ ของเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยโอกาสนี้ จึงอยากจะเชิญชวนทุกคนร่วมอุดหนุนผลไม้ไทยคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังใจให้เกษตรกรไทยเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”
สำหรับกระท้อนที่ท็อปส์ได้นำร่องรับซื้อจากเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดีปลอดภัย บ้านวังรี (ไร่ดีต่อใจ) อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เป็นกระท้อนสายพันธุ์อีล่า ปลูกในจังหวัดสระแก้วมีจุดเด่นที่ผลมีขนาดใหญ่ เนื้อหนาและฟู รสชาติหวานอมเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ในแต่ละปีจะมีผลผลิตประมาณ 600 ตัน และส่งออกไปยังกัมพูชาประมาณ 100 ตัน และจากมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีกระท้อนเหลือคงค้าง ท็อปส์จึงได้ร่วมมือกับกรมการค้าภายในและศูนย์ AFC หอการค้าไทย รับซื้อกระท้อนจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ อาหารดี ปลอดภัย บ้านวังรี (ไร่ดีต่อใจ) จำนวน 2 ตัน เพื่อบรรเทาสถานการณ์ดังกล่าวนี้ให้แก่เกษตรกร
นอกจากนี้ ท็อปส์ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การบริโภคผลไม้ไทยตามฤดูกาล โดยร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และศูนย์ AFC หอการค้าไทย จัดแคมเปญ ‘Thai Fruit Festival 2025 By DIT’ คัดสรรผลไม้ไทยคุณภาพเยี่ยมจากแหล่งผลิตทั่วประเทศ อาทิ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลำไย แตงโม สับปะรด อะโวคาโด ลองกอง พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นการขาย ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 ที่ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เดลี่ กว่า 690 สาขาทั่วประเทศ รวมถึง “ตลาดจริงใจ Farmers’ Market” จำนวน 32 สาขา
โดยในปี 2568 ท็อปส์มีแผนรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรกว่า 8,000 ตัน เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน พร้อมส่งเสริมช่องทางการขายด้วยการกระจายสินค้าผ่านร้านท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เดลี่ รวมถึง “ตลาดจริงใจ Farmers’ Market” เพื่อให้เกษตรกรท้องถิ่นนำผลไม้มาจำหน่ายโดยตรงถึงมือผู้บริโภค ลดขั้นตอนคนกลาง เชื่อมโยงผู้ผลิตกับผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด และสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
“ท็อปส์ ยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกรไทย สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ผ่านความร่วมมือกับภาครัฐ และภาคเอกชนในการกระจายผลผลิตและส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยคุณภาพ สอดคล้องกับกลยุทธ์ ‘12 Missions to Sustainable Retail’ และแนวคิด ‘Small Acts Together’ ที่เชื่อว่าพลังเล็ก ๆ ของทุกคนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้” นายสเตฟาน กล่าวปิดท้าย
ร่วมสนับสนุนเกษตรกรไทยและลิ้มรสผลไม้ไทยคุณภาพเยี่ยม โดยสามารถสนับสนุนการซื้อและ บริโภคผลไม้จากเกษตรกรไทยได้ตลอดปี ที่ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เดลี่ รวมถึง “ตลาดจริงใจ Farmers’ Market” ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th, เฟซบุ๊ก TopsThailand, หรือ แอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand
#TOPS #EveryDayDISCOVERY #SupportThaiFruits #SupportThaiFarmers
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,844 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านซูเปอร์มาร์เก็ต มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ โก โฮลเซลล์ ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี รวมทั้ง เฮลธ์แอนด์ เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 43 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น