การมีส่วนเพื่อยืนยันตัวตนผ่านบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบไร้ศูนย์กลางของ VerifyVASP ในบทบาทตัวแทนผู้ตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน จะทำให้ผู้ให้บริการทางสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถดำเนินการตามเกณฑ์ Travel Rule โดยมี FATF เป็นผู้กำกับดูแล
25
พฤษภาคม 2566 กรุงเบเซิล สวิสเซอร์แลนด์ หน่วยงาน The Global Entity Identifier Foundation
(GLEIF) ได้ประกาศวันนี้ว่า VerifyVASP ผู้ให้บริการเทคโนโลยีเพื่อการกำกับดูแลแก่ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจากสิงคโปร์
ได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนผู้ตรวจสอบยืนยันหน่วยงานของ GLEIF
VerifyVASP
เป็นตัวแทนผู้ตรวจสอบยืนยันหน่วยงานรายแรกและรายเดียวที่จะเป็นผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
ด้วยบทบาทดังกล่าวทำให้ VerifyVASP จะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถตรวจสอบหน่วยงานผู้ทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
โดย VerifyVASP จะสามารถนำเอาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบไร้ศูนย์กลางมาใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้เพื่อยืนยันหน่วยงานตามกฎหมาย
เพื่อให้ธุรกรรมที่ทำเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น
ข้อกำหนดการเดินทางของข้อมูล (Travel Rule) ที่ออกโดย Financial
Action Task Force หรือ FATF ซึ่งเป็นหน่วยงานป้องกันและปราบปราบการฟอกเงินนานาชาติที่ก่อตั้งจากความร่วมมือระหว่างรัฐระดับนานาชาติ
อันเป็นการยกระดับความโปร่งใสของผู้ให้บริการด้านคริปโทฯ
และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการระดับนานาชาติ
ข้อกำหนดการเดินทางของข้อมูล
หรือ Travel
Rule โดย FATF ซึ่งเป็นข้อควรปฏิบัติข้อที่ 16
ที่ FATF ถือเป็นข้อควรปฏิบัติที่ควรทำอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อต้านการฟอกเงิน
และป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายสามารถนำเงินไปใช้เพื่อก่อการร้าย
ข้อกำหนดการเดินทางของข้อมูลจะทำให้ผู้ให้บริการด้านคริปโทฯ
และสินทรัพย์ดิจิทัลจำเป็นจะต้องขอข้อมูลจัดเก็บและส่งต่อข้อมูลของผู้เริ่มธุรกรรมจนกระทั่งถึงผู้รับประโยชน์ปลายทาง
(การเดินทางของข้อมูลนี้เองเป็นที่มาของชื่อกฎ Travel Rule) เพื่อสามารถแยกแยะและรายงานธุรกรรมต้องสงสัย
ข้อกำหนดการเดินทางของข้อมูล
มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบุความเป็นเจ้าของทั้งผู้โอนและผู้รับโอน
และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวจึงจำเป็นที่จะกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการรับส่งสินทรัพย์ให้ส่งข้อมูลที่ถูกต้องและมีที่มาที่น่าเชื่อถือจากผู้โอนและผู้รับโอน ภายหลังจากที่
FATF ได้ประกาศข้อควรปฏิบัติดังกล่าว
ภาคเอกชนจากหลายประเทศในโลกได้เริ่มนำเอาข้อกำหนดการเดินทางของข้อมูล ไปใช้เพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลเพื่อป้องกันธุรกรรมอันเข้าข่ายการฟอกเงินและเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าเมื่อจำเป็นต้องทำธุรกรรมการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้
เมื่อ VerifyVASP
ได้กลายเป็นตัวแทนการตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน
จะทำให้ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและภูมิภาคอื่น
ๆ สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์การกำกับดูแลได้เร็วกว่าเส้นตายที่ FATF
กำหนดไว้ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้สหภาพยุโรปได้ริเริ่มกำกับตลาดคริปโทฯ
(MiCA – Market in Crypto Assets) โดยทำให้สินทรัพย์ดิจิทัล
ผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล
ถูกกำกับดูแลภายใต้กรอบการกำกับดูแลเดียวกัน
และขยายการตีความกฎการโอนเงินให้ครอบคลุมการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล
และกำหนดให้ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลจำเป็นจะต้องใช้การตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน
เมื่อทำธุรกรรมทุกรายการตั้งแต่มกราคม 2568 เป็นต้นไป
และยังได้แนะนำให้ผู้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลควรยืนยันหน่วยงานตามกฎหมาย เช่นกัน
“ในฐานะตัวแทนการตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน ด้วยรหัสยืนยันหน่วยงาน หรือ LEI
เราสามารถใช้ข้อมูล LEI เพื่อทำให้การตรวจสอบหน่วยงานตามกฎหมายจากรหัสยืนยันหน่วยงาน
ของผู้ทำธุรกรรมให้กับผู้ให้บริการได้ทั้งฝั่งผู้โอนและผู้รับโอนมีประสิทธิภาพ
และช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ได้เร็วขึ้น” Shihyun Chia ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VerifyVASP กล่าว
การตรวจสอบความถูกต้องของผู้ทำธุรกรรมอีกฝ่ายเป็นปัญหาที่ผู้ให้บริการพบโดยตลอด
จากข้อมูลที่จำเป็นที่ใช้ประกอบการทำธุรกรรมที่กำหนดข้อกำหนดการเดินทางของข้อมูลของ
FATF
LEI
จะช่วยให้ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ
และได้รับการยอมรับทั่วโลก
ทำให้ผู้กำกับดูแลและผู้ถูกกำกับดูแลสามารถประเมินความเสี่ยงจากตลาดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
“อุตสาหกรรมคริปโทฯเติบโตและชี้นำตลาดโลกแบบไร้พรมแดนอย่างรวดเร็ว
ทำให้เราคาดหวังให้ VerifyVASP ในบทบาทตัวแทนการตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน
จะสามารถใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่มี
ทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถสร้างความน่าเชื่อถือจากความโปร่งใสของธุรกรรมในตลาดโลก”
Sirgoo Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Dunamu ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ภายใต้ชื่อ
Upbit
Stephan
Wolf ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GLEIF ได้ให้ความเห็นว่า
“ปัจจุบันเราไม่สามารถจะบอกได้เลยว่าผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลรายใดมีใบอนุญาตที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลหลายราย
ทำให้หน่วยงานรัฐและผู้มีส่วนร่วมในระบบการเงินโลกเกิดความไม่แน่นอนขึ้น
หากผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลทุกรายได้รับการตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน
ด้วยรหัสยืนยันหน่วยงาน หรือ LEI และสามารถแลกใช้รหัสดังกล่าวเพื่อเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลเราจะสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้วยเทคโนโลยี
และจากข่าวการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของสหภาพยุโรปไม่นานนี้จะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายที่เราต้องการด้วยการใช้บทบาทการเป็นตัวแทนการตรวจสอบยืนยันหน่วยงาน
VerifyVASP จะมีส่วนช่วยให้มีผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยืนยันหน่วยงานตามกฎหมายเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้การทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
กรอบการทำงานของตัวแทนการตรวจสอบยืนยันหน่วยงานของ
GLEIF จะทำให้สถาบันการเงินและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับการยืนยันอัตลักษณ์ตามกฎหมายสามารถเข้าถึงและตรวจสอบข้อมูลให้กับหน่วยงานผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานที่เป็นผู้ออก
LEI ซึ่งตัวแทนยืนยันหน่วยงานตามกฎหมายสามารถดำเนินการตามขั้นตอนปกติที่ใช้เพื่อยืนยันอัตลักษณ์ของลูกค้าเท่านั้น
สามารถดาวน์โหลดรูปประกอบที่มีความละเอียดสูงได้ที่
https://www.gleif.org/en/newsroom/gleif-graphics-images
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น