CHOW โชว์ผลงานเยี่ยมต่อเนื่อง ไตรมาส 1/67 ปั๊มกำไรพุ่งกว่า 2,638% จากผลการดำเนินงานทั้งธุรกิจเหล็กและไฟฟ้า ส่งสัญญาณปี 67 ธุรกิจโตก้าวกระโดดทั้งสองขาธุรกิจ หลังธุรกิจเหล็กขายกระจายทั้งยอดสั่ง OEM และเทรดดิ้ง ขณะธุรกิจพลังงานทดแทนผลงานเยี่ยมจากขยายฐานธุรกิจ Solar Rooftop ในประเทศ รับกระแสลดโลกร้อนเพื่อสิ่งแวดล้อม เผยปี 67 ไม่เพียงดันธุรกิจโตแรง ยังใช้แนวคิด ESG เพิ่มมูลค่าธุรกิจให้เติบโตคู่สังคมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
นายปรมัตถ์ จุฬวนิช
ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด
(มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว
(Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ
และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่
จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวด 3 เดือน สิ้นสุด 31
มีนาคม 2567 ว่า มีผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจในทุกๆ
Business Unit ทั้งธุรกิจเหล็กและธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของฝ่ายบริหาร
และถือเป็นการเติบโตที่เป็นแรงส่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี
2566
ในไตรมาสที่ 1/2567 บริษัทฯ
และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 1,369.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 903.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 193.5 และมีกำไรสุทธิ
90.37 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 2,638.5 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2566
โดยผลประกอบการที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากรายได้จากธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงานทางเลือกที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
โดยธุรกิจเหล็กบริษัทฯ
ได้รับคำสั่งผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นและสม่ำเสมอในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิต หรือ OEM นอกจากนั้น
ความหลากหลายของสินค้าที่ผลิตได้ และได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ยังสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจนสามารถขายสินค้าเหล็กประเภทอื่นๆ
ออกสู่ตลาดได้เพิ่มมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะการขายสินค้าตามคำสั่งซื้อ (Trading)
ทั้งเหล็กแท่งบิลเลตและเหล็กเส้น จึงส่งผลให้ธุรกิจเหล็กมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น
โดยในไตรมาสที่ 1/2567 ธุรกิจเหล็กมีรายได้ 1,160.21 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 755.54 ล้านบาท หรือร้อยละ 186.7
ด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างระบบผลิตกระแสไฟฟ้า
(EPC)
เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับการขยายตัวของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ของกลุ่มบริษัทร่วมทุน ที่มีโครงการโรงไฟฟ้าอยู่ระหว่างการพัฒนา ระหว่างก่อสร้างและจ่ายไฟฟ้าไม่น้อยกว่า
250 เมกะวัตต์ในปี 2567 ดังนั้นจึงทำให้มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีรายได้เพิ่มเติมต่อเนื่องจากการร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยกับกองทุน
BlackRock ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจที่สามารถทำให้กลุ่มบริษัทฯ
เพิ่มความมั่นคงและแข็งแกร่งในส่วนของผู้ถือหุ้น เพื่อนำไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนการดำเนินธุรกิจต่อไป โดยปัจจุบัน CHOW มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ
84 มาจากธุรกิจเหล็ก และรายได้ที่เหลืออีกร้อยละ 16 มาจากธุรกิจพลังงานทางเลือก
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการมุ่งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจแล้ว
กลุ่มบริษัท CHOW ยังมุ่งพัฒนาองค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับสังคมอย่างยั่งยืน
ด้วยการนำแนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG มาประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน และสอดแทรกความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม
และการกำกับดูแลกิจการให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกๆ กระบวนการทำงาน เพื่อให้ CHOW
สามารถเติบโตและดำรงอยู่คู่กับสังคมได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
นายปรมัตถ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่ธุรกิจของ
CHOW เติบโตได้อย่างโดดเด่น
ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากผลงานในไตรมาสแรก
และเมื่อรวมกับฐานทุนแข็งแกร่ง สามารถขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ทั้งจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ
เอง และการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำ บุคลากรที่มีความสามารถ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและ
supply chain ที่แข็งแกร่งทำให้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบและอุปกรณ์
ในราคาที่แข่งขันในตลาดได้อย่างคล่องตัว ซึ่งความพร้อมเหล่านี้จะทำให้ CHOW สามารถขยายธุรกิจ สร้างรายได้และกำไรให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นตามเป้าหมายที่วางไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น