เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การรณรงค์ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ และนำมาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) กับตลาด
ยิ่งเจริญ โดย บริษัท สุวพีร์โฮลดิ้ง 2 จำกัด และ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค ณ อาคารยิ่งเจริญ สแควร์ ตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน
โดยมี นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการ วิศวกรรมและ
โลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการ
คณะผู้บริหาร บีเอสจีเอฟ นางกัญจนิดา ตันติสุนทร กรรมการบริหารตลาดยิ่งเจริญ และนายวุฒิ วิพันธ์พงษ์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม แอสเซทไวส์ ร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุชาติ สุขเจริญ รองผู้อำนวยการสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข น.อ.หญิง กรรณยิการ์ วรรณวิมลสุข ผู้แทนผู้อำนวยการ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และนายอริย ธรรมวัฒนะ กรรมการมูลนิธิตลาดยิ่งเจริญ ร่วมเป็นพยานกิตติมศักดิ์
ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัท บีเอสจีเอฟ ตลาดยิ่งเจริญ และ แอสเซทไวส์ จะร่วมกันขับเคลื่อน
ผ่านสองโครงการหลัก ได้แก่ “Fry to Fly” และ “ไม่ทอดซ้ำ” ซึ่งริเริ่มและดำเนินการโดยบริษัท บีเอสจีเอฟ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาตลาดยิ่งเจริญให้เป็นตลาดต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยที่มีการบริหารจัดการน้ำมัน
ปรุงอาหารใช้แล้วอย่างครบวงจร เสริมสร้างมาตรฐานอาหารปลอดภัย ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการนี้ ผู้ประกอบการภายในตลาดจะได้รับการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำมันปรุงอาหารอย่างถูกหลักอนามัย และรณรงค์ไม่นำน้ำมันมาใช้ซ้ำ พร้อมทั้งมีการสนับสนุนการตรวจวัดค่าความเสื่อมของน้ำมัน (ค่าสารโพลาร์)
โดยผู้ประกอบการสามารถนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาส่งที่จุดรวบรวมภายในตลาด พร้อมบันทึกปริมาณผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล “AssetWise GrowGreen” ซึ่งพัฒนาโดย แอสเซทไวส์ สำหรับการซื้อ-ขายน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว อีกทั้งยังช่วยจัดเก็บข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ ปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการรีไซเคิลน้ำมัน
ปรุงอาหารใช้แล้ว ก่อนส่งต่อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วให้กับบีเอสจีเอฟ เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน อีกทั้งยังเป็น
การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเสียอย่างเป็นรูปธรรม
และในวันเดียวกัน ผู้บริหารจากทุกหน่วยงานได้ร่วมกิจกรรม Fry to Fly เยี่ยมชมร้านค้าที่มีการใช้น้ำมันปรุงอาหาร ร่วมทดสอบหาค่าสารโพลาร์ในน้ำมันฯ และเริ่มรับซื้อน้ำมันฯ จากร้านค้าในตลาดตลาดยิ่งเจริญ เพื่อกระตุ้นความร่วมมือ และสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ประกอบการภายในพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญ ความร่วมมือในครั้งนี้แสดงถึงบทบาทของภาคธุรกิจในการยกระดับพื้นที่ตลาดและชุมชนสู่การเป็นต้นแบบ “พื้นที่สีเขียว” ” ผ่านการจัดเก็บและติดตามด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมการบริโภคอย่างปลอดภัย ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม และเป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชุมชน ที่เชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม สุขภาพ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจเข้าด้วยกันอย่างยั่งยืน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลัก คือ 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ผู้นำด้านการกลั่นน้ำมันของประเทศ ด้วยกำลังการผลิตรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex Refinery มาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง คือโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขยายสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันผ่านบริษัทบีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) และต่อยอดเครือข่ายธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิง ผ่านบริษัทกรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) รวมถึงลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF) 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด ส่งมอบ Greenovative Experience ผ่านเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ non-oil เช่น กาแฟอินทนิล ร้าน Lemon Green น้ำมันหล่อลื่น FURIO EV Charger รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรด้านอาหารหลากหลายและนำระบบดิจิทัลมาส่งมอบประสบการณ์ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย ให้กับผู้ใช้บริการ 3) กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย บมจ. บีซีพีจี ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจแนวใหม่ เช่น ธุรกิจ Battery as a Service สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Winnonie และได้จัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิกฤตสภาวะภูมิอากาศและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium
บางจากฯ ได้รับการจัดอันดับ Top 1% ระดับสูงสุดของโลกด้านความยั่งยืน ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing ใน S&P Sustainability Yearbook 2025 โดย S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี DJSI รวมถึงได้รับการจัดอันดับที่ 17 ใน Fortune Southeast Asia 500 และเป็นบริษัทไทยรายเดียวที่ได้รับการประเมินความยั่งยืน MSCI ESG Ratings ระดับ AA สูงสุดในกลุ่ม Oil & Gas Refining, Marketing, Transportation & Storage ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 และได้รับการยกย่องจาก Financial Times ให้เป็น Asia Pacific Climate Leader ในปี 2024 นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล "สุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567" (Kincentric Best Employer Thailand 2024) เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในกลุ่มธุรกิจน้ำมันของไทยที่ได้รับการยกย่องจากองค์กรชั้นนำระดับโลก
บางจากฯ ตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bangchak.co.th/th/home
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น