กรุงเทพฯ 13 สิงหาคม 2568 – นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกกำลังภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน) ส่งมอบอุปกรณ์ท่อพีวีซีให้มูลนิธิพัฒนาเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ นำไปใช้เป็นอุปกรณ์เสริมทักษะให้กับเด็ก ๆ ในศูนย์พักพิงฯ พร้อมเน้นย้ำกระทรวงอุตสาหกรรม ทำหน้าที่เป็น “กองหลัง” ซัพพอร์ตพี่น้องประชาชนและกองทัพ และประสานความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ส่งต่อธารน้ำใจถึงมือพี่น้องคนไทย
นายเอกนัฏ พร้อมมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่หลายครอบครัวต้องอพยพไปอาศัยที่ศูนย์พักพิง โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในเรื่องของการศึกษาและความเป็นอยู่ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ตระหนักถึงผลกระทบที่ได้รับและมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวไทย จึงเร่งบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การตั้งศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ถ.พระรามที่ 6 เพื่อเป็นตัวกลางประสานความช่วยเหลือรับบริจาคเครื่องอุปโภค-บริโภค และสิ่งของที่จำเป็นจัดส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้ร่วมมือกับภาคเอกชนรายใหญ่อย่าง บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน) ส่งมอบอุปกรณ์ท่อพีวีซีขนาดต่าง ๆ ให้กับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก โดยสั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ DIPROM ซึ่งมีศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นตัวแทนในการนำไปมอบให้กับมูลนิธิฯ เพื่อนำไปใช้เป็นอุปกรณ์เสริมทักษะให้กับเด็ก ๆ ที่พักอาศัยชั่วคราวในศูนย์พักพิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลสภาพจิตใจของเด็กและครอบครัว รวมถึงเป็นการเสริมทักษะการเรียนรู้ผ่านการเล่นที่อิสระในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น โดยมูลนิธิฯ ได้มีการจัดกิจกรรมเล่นอิสระให้กับเด็กอย่างต่อเนื่อง เน้นการเล่นกับวัสดุ หรือสิ่งของที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ต่อได้ ถอดได้และนำมาจัดวางได้อย่างอิสระตามจินตนาการ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว อาทิ เลโก้ จากท่อพีวีซี กล่องลังกระดาษ บล็อกไม้ วาดรูป ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน และอีกมากมาย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหาและการเรียนรู้ผ่านการสำรวจและการทดลองของเด็ก ถือเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กได้ปลดปล่อย สร้างความผ่อนคลายและเยียวยาตนเองอย่างอ่อนโยนในสถานการณ์นี้ นอกจากนั้น ยังสามารถเป็นจุดเริ่มต้นในการนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นพื้นฐานอาชีพได้ เช่น การจัดวางระบบไหลเวียนน้ำ การจัดทำอุปกรณ์ของใช้ในครัวเรือนจากท่อพีวีซี เป็นต้น
นายเอกนัฏ กล่าวเน้นย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่ “กองหลัง” คอยเป็นตัวกลางประสานความร่วมมือทั้งภาครัฐ-เอกชน เพื่อส่งต่อสิ่งของที่จำเป็นไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ “กองหลัง” คนนี้ พร้อมซัพพอร์ตและเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนและกองทัพ เราจะยังคงอยู่เคียงข้างกันและดูแลทุกคนด้วยหัวใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น