บิ๊ก EA และ NEX ผนึกกำลังยืนยันธุรกิจมั่นคงอนาคตเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจธุรกิจพลังงานสะอาดอยู่ในเมกะเทรนด์ ระบุ NEX เพิ่มทุนล็อตใหญ่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งระบบและสร้างความเชื่อมั่นกับทุกฝ่าย พร้อมผลักดันธุรกิจเดินหน้าสร้างผลงาน ส่วนเรื่องราคาหุ้นปรับตัวลงแรงไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ชี้มาจาก Money Game ส่งผลกระทบทำลาย Real Business ล่าสุดอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานส่ง ก.ล.ต. – ดีเอสไอ เอาผิดในมาตรา 244 ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ทั้งเรื่องการซื้อขายผิดปกติทั้ง Short Sell ,Naked Short และ Robot Trade เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้ รวมทั้งช่วยยกมาตรฐานตลาดทุนไทยและปกป้องบริษัทจดทะเบียนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
นายสมโภชน์
อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA
ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX
เปิดเผยถึงการแถลงข่าวในครั้งนี้ว่าต้องการให้นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจถึงสถานการณ์ของ
EA และ NEX ได้อย่างถูกต้องและเห็นภาพที่ชัดเจนถึงการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ
“ที่จริงแล้วผมไม่ได้ต้องการออกมาพูดเรื่องนี้
แต่ NEX ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีมีอนาคต
ลูกค้าและซัพพลายเออร์ให้ความเชื่อมั่นและที่ผ่านมาสามารถส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าได้ตามกำหนด
ผลประกอบการดีต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ NEX กำลังเป็นผู้ถูกกระทำ
ซึ่งเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจาก Money Game เริ่มจากการทำลายความเชื่อมั่นในตลาดทุน
และกำลังจะทำลายธุรกิจไปด้วย
ผลจากราคาหุ้นที่ลดลงทำให้ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภาในฐานะผู้บริหารและเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก
wealth ที่ลดลง และกระแสข่าวลือเชิงลบต่างๆ ทำให้คู่ค้าและซัพพลายเออร์เกิดความวิตกกังวล
จึงเป็นที่มาแห่งการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้”
การเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างราบรื่นและก่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งจากลูกค้าและซัพพลายเออร์ ซึ่งการเพิ่มทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.55 บาท พร้อมรับวอร์แรนท์อีก 75 ล้านหน่วย มีอัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพ 1 หน่วยต่อ 5 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในอัตรา 12.75 บาท ซึ่งจะจัดสรรให้กับ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา และพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่นๆ เพื่อให้คงสถานะเป็น Major Shareholder เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้มีความมุ่งมั่นในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต
ส่วนที่สองแบ่งออกเป็น
2 ชุดซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมภายในปี 2567 ชุดแรกจำนวน 2,096.82 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1
หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 1 บาท และชุดที่สองจำนวนไม่เกิน 6,290.48
ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 1 บาท
สาเหตุที่จัดแบ่งออกเป็นสองชุด
เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการทำธุรกิจทันที
เมื่อได้เงินก้อนแรกมาทีมผู้บริหารจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทไปต่อได้และมีอนาคต
จากนั้นจึงจะเรียกเพิ่มทุนในชุดที่สอง
ทั้งนี้ได้เปิดเผยข้อมูลให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทั้งหมด
เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลเท่าเทียมกันและมีสิทธิตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด
“ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่เรามองเห็นปัญหาและต้องการเข้ามาช่วยคุณคณิสสร์
และทีมงานของ NEX เพราะพวกเขาคือกำลังของบริษัท
ธุรกิจจะขับเคลื่อนไปได้มีองค์ประกอบหลายส่วนด้วยกัน
แต่สองส่วนที่สำคัญคือต้องมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
และผู้นำองค์กรที่มีความรู้ เชี่ยวชาญ วิสัยทัศน์ ฉะนั้นหากผู้บริหารถูกทำลายลงไป
ก็เท่ากับทำลายบริษัท
เรามองเห็นจุดนี้จึงต้องเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”
นายสมโภชน์ กล่าวต่อถึง EA ว่าในปัจจุบันดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล, 2. กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และ 3. กลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต เช่น แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จ ซึ่งในส่วนของธุรกิจแบตเตอรี่ แม้จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่บริษัทฯ ได้ปรับตัวโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาศึกษาและหาวิธีการปรับปรุง เพื่อทำให้โครงสร้างต้นทุนของธุรกิจแบตเตอรี่ลดลงและอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้
"EA
ไม่ได้มีแค่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมีธุรกิจอื่นที่ช่วยซัพพอร์ตหลากหลายอย่าง เนื่องจากเรื่องของ Adder
ที่ทยอยหมดลงนั้นเป็นเรื่องที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
ในฐานะผู้บริหารได้เตรียมแผนกลยุทธ์รองรับไว้แล้ว โดยที่ผ่านมาได้ Diversified
ธุรกิจออกไปหลายอย่าง ปัจจุบันอยู่ในช่วงเริ่มต้นเก็บเกี่ยวดอกผล
และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างฐานรายได้และกำไรที่แข็งแรงให้กับ
EA"
สำหรับความร่วมมือกับ
NEX บริษัทฯ จะให้การสนับสนุน
และเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันอย่างเต็มที่
ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมในการช่วยต่อยอดและขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 33.14 % ใน NEX
รวมไปถึงการใส่เงินเพิ่มทุนเพื่อให้ NEX
เพื่อให้มีศักยภาพสามารถขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมถึงรองรับการลงทุนใหม่ๆ
และสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดาพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ
ส่วนราคาหุ้น EA และ NEX ที่ปรับลดลงลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษกระทรวงยุติธรรม หรือ ดีเอสไอ (DSI) ในมาตรา 244/3 ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการ ดังต่อไปนี้ (1) ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ (2) ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ทั้งนี้มีประเด็นที่เป็นข้อสังเกตคือ
ที่ผ่านมามีแรงขายหุ้น EA และ NEX มาจากการเปิดให้มีการใช้โปรแกรม Robot Trade
ซึ่งมีความได้เปรียบในเรื่องของความเร็วในการซื้อขายหุ้นและสร้าง Negative moment
มีการทำ Short Sell รวมถึงช่องโหว่การทำ Naked Short ผ่านกระดาน NVDR
ซึ่งเป็นเจตนาเพื่ออำพรางธุรกรรม ขณะนี้หลายประเทศได้ระงับเรื่องการทำ Short Sell
เพราะเห็นว่าไม่ใช่ธุรกรรมที่สร้างสรรค์
ขณะที่ประเทศไทยปัจจุบันระบบคัสโตเดียนกับระบบซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ทำให้มีช่องโหว่หลบเลี่ยงได้ และที่ผ่านมาการกระทำส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ
ซึ่งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ดังนั้นควรระงับไว้ก่อนหรือไม่
ภายหลังจากปรับปรุงระบบให้เสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยนำกลับมาใช้
“การที่เราตัดสินใจที่จะไปร้องต่อ
ก.ล.ต. และดีเอสไอ
เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดทั้งยังเป็นการช่วยปกป้องบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ
ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และไม่ให้ Money Game มาทำลาย Real Business
และที่สำคัญคือ อยากบอกว่าผมไม่ใช่ตัวการทำลายหุ้น EA และ NEX ถ้าใช่จะไปร้องหน่วยงานกำกับฯทำใม?
แต่เราต้องการปกป้องบริษัทและหาคนผิดมาลงโทษให้ได้จริงๆ ”นายสมโภชน์ กล่าวในที่สุด
นายคณิสสร์
ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ
NEX กล่าวว่าปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน
พร้อมเร่งขยายการเติบโตตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ EA
"ในไตรมาส
1/2567 บริษัทฯ ส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับลูกค้าเกือบ 600 คัน และในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแผนเข้าร่วมเสนองานใหม่หลายโครงการ
และจะร่วมประมูลงานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ, รัฐวิสาหกิจ
มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่มีความสนใจและนำรถไฟฟ้ามาใช้ในองค์กร เช่น
รถโดยสารไฟฟ้า, รถเมล์สาธารณะไฟฟ้า, รถรับ-ส่งพนักงาน, รถรับ-ส่งนักศึกษาในมหาวิทยาลัย,
รถขนขยะไฟฟ้า และรถหัวลากไฟฟ้า เป็นต้น
ทำให้มั่นใจว่ายอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะมียอดทะลุ 5,000 คัน
ตามเป้าหมายที่วางไว้" นายคณิสสร์ กล่าวในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น