JSP พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐเพิ่มทางเลือกใช้ยาไทย เปิดอินไซต์ยาไทยต้องนำเข้าตัวยานอกมาผสมถึง 90% แนะหนุน R&D เพื่อลดต้นทุนนำเข้าอย่างตรงจุด เพิ่มตู้จ่ายยาอัตโนมัติขยายการเข้าถึงให้ปชช. - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568

JSP พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐเพิ่มทางเลือกใช้ยาไทย เปิดอินไซต์ยาไทยต้องนำเข้าตัวยานอกมาผสมถึง 90% แนะหนุน R&D เพื่อลดต้นทุนนำเข้าอย่างตรงจุด เพิ่มตู้จ่ายยาอัตโนมัติขยายการเข้าถึงให้ปชช.



 ·      JSP ผู้นำ ‘Health Innovation Group’ พร้อมหนุนนโยบายรัฐบาลผลิตยาคุณภาพเพิ่มทางเลือกคนไทยลดต้นทุนนำเข้ายา พร้อมเผยหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมยาไทยต้องหนุนงาน R&D เพื่อลดนำเข้าวัตถุดิบตัวยาเพราะปัจจุบัน 90% ยังไม่สามารถวิจัยได้เอง

·      ขณะที่ยาสมุนไพรไทยเป็นทางเลือกที่ดี แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจการบ่งใช้ที่ถูกต้อง ส่งผลคนยังขาดความมั่นใจ

·      แนะแก้กฎหมายตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง จ่ายยาอันตรายตามใบสั่งแพทย์ได้ ผ่านการใช้เทคโนโลยีแพทย์ หรือ เภสัช ให้บริการทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงอย่างครอบคลุม


นายสิทธิชัย  แดงประเสริฐ   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP  เปิดเผยว่า นโยบายรัฐบาลในด้านส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาของประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถนำใบสั่งแพทย์มาซื้อยาที่ร้านขายยาเพื่อช่วยลดการแออัดของผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลรัฐนั้น ถือเป็นนโยบายที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในวงกว้าง และ JSP ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพครบวงจร ทั้งด้านผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาแผนโบราณ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งสำหรับคน สัตว์ และพืช ด้วยแนวคิดการกินพืชและสัตว์ที่ดีย่อมส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของคน พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามมองว่าหากนโยบายดังกล่าวสามารถดำเนินการอย่างบูรณาการ ครอบคลุมไปถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนายา รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงประชาชนมากขึ้นเชื่อว่าจะขยายผลความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น

 

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่าประเทศไทยมีโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP มากกว่า 150 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีไม่ถึง 10% ที่สามารถผลิตวัตถุดิบตัวยาสำคัญได้เอง ส่วนใหญ่นำเข้าตัวยาวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผสม ซึ่งเป็นลักษณะนี้เกือบ 90% สำหรับการวิจัยและพัฒนายาตัวใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้ายังมีอยู่น้อยมาก  จึงมองว่าการจะส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงยาในประเทศให้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจสำคัญคือการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบตัวยาขึ้นมาเองเพื่อทดแทนการนำเข้าในส่วนของยาแผนปัจจุบัน ขณะเดียวกันในส่วนของยาสมุนไพรไทยนั้นเป็นทางเลือกที่ดีแต่มองว่ายังขาดการประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงข้อบ่งใช้ที่ถูกต้องจึงทำให้ปัจจุบันประชาชนบางส่วนยังขาดความมั่นใจในการใช้เป็นยาทางเลือก

 

“การส่งเสริมยาที่ผลิตในประเทศ ด้วยการจับมือกับโรงพยาบาลเอกชนให้คนป่วยสามารถนำใบสั่งยามาซื้อที่เภสัชกรนอกโรงพยาบาล เป็นเรื่องที่ดีมาก เราเองในฐานะผู้ประกอบการด้านการผลิตยายอมรับว่าได้รับผลดีกับบริษัท แต่เราเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งเราทำการวิจัยและพัฒนาตลอดเวลาผ่านบริษัทลูกคือ CDIP ที่ประกอบธุรกิจวิจัยเชิงวิชาการในห้องปฏิบัติการ รับจ้าง ทดสอบและวิเคราะห์ผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป้าหมายหลักของเราคือเป้าหมายเดียวกับรัฐบาลคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ผ่านการคิดสูตรยาใหม่เพื่อรักษาโรค รวมถึงอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ

 

นอกจากนี้ยังมองว่าการออกกฎหมายให้สามารถจำหน่ายยาหลากหลายประเภทผ่านตู้ขายยาอัตโนมัติ  24 ชม. จะยิ่งช่วยเสริมนโยบายรัฐให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับคนไข้สามารถนำใบสั่งยามารับได้ที่ตู้ขายยาอัตโนมัติ ที่มีแพทย์ หรือ เภสัชกร ให้บริการทางออนไลน์ หรือที่เรียกว่า เทเลฟาร์มาซี รือ เทเลเมดิคอ  หากมีการปรับแก้ไขกฎหมาย ให้ตู้ยาอัตโนมัติสามารถมียาอันตรายที่ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้นด้วย เชื่อว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณะสุขได้อย่างมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad