กรุงไทย เอ็กซ์สปริง มองตลาดหุ้นไทยยังสดใส รับเงินไหลเข้าหลังหมดยุคผลตอบแทนสูงของสหรัฐฯ
หุ้นบริโภคในประเทศโดดเด่น-หุ้นเหมืองทองคำทางเลือกน่าสนใจยุคทองพุ่ง
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสดใสต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายดัชนีระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 1,385 จุด รับปัจจัย “สิ้นสุด ยุคผลตอบแทนสูงของสหรัฐฯ”
คาดเงินบาทได้อานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้า พื้นฐานประเทศแข็งแกร่ง ทุนสำรองสูง หนี้ต่างประเทศต่ำ เงินเฟ้อต่ำ ส่งออกดี นโยบายการเงินและการคลังหนุน มองหุ้นการบริโภคในประเทศน่าสนใจลงทุน แนะนำ CPAXT, THANI, ADVANC, BCP, SYNEX, TFG
ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยุคที่ไม่ยึดติดกับดอลลาร์ โดย KTX ประเมินโอกาสขยับไปถึง 4,127 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทั้งนี้ หุ้นเหมืองทองคำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน สำหรับหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสไปต่อ ขับเคลื่อนด้วยหุ้นเทคโนโลยี กระแสการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยหนุนความแข็งแกร่งของกำไรบริษัทจดทะเบียน แนะนำ Amazon, Apple, ASML, CrowdStrike, Shopify พร้อมด้วยหุ้นเทคโนโลยีจีน เช่น Tencent, Kuaishou และ CATL
นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์ลงทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยว่า จะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2568 เนื่องจากเข้าสู่ภาวะ “สิ้นสุด ยุคผลตอบแทนสูงของสหรัฐฯ” โดย KTX ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) เป้าหมายระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 1,385 จุด แรงหนุนจากโอกาสที่นักลงทุนทั่วโลกจะปรับลดการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ เป็นผลจากแนวโน้มการอ่อนค่า ทั้งอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯ บริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะ โดยใช้กลไกขับเคลื่อนเงินเฟ้อ ตลอดจนความพยายามในการผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย การใช้กำแพงภาษี ผลักดันต้นทุนนำเข้าให้เพิ่มสูงขึ้น ไปจนถึงการอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมหาศาล สะท้อนผ่านการทำจุดสูงสุดใหม่ของปริมาณเงินในระบบ ความพยายามดังกล่าว จะผลักดันเงินสหรัฐฯ ให้ขยับสูงขึ้น เพื่อช่วยหนุน GDP ในรูปตัวเงินให้เร่งตัวขึ้น จากฐานภาษีรายได้ของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ซึ่งท้ายที่สุด จะไปช่วยชะลอการเร่งตัวของอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP จากระดับ 120% ของ GDP ในปัจจุบัน โดยสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องลดภาระหนี้
จากปัจจัยข้างต้น ผลตอบแทนการลงทุนในสหรัฐฯ อาจไม่ได้น่าสนใจมากเหมือนที่ผ่านมา เราเชื่อว่า สินทรัพย์สกุลเงินบาท มีโอกาสได้อานิสงส์เชิงบวกจากการลดการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากมีจุดแข็งด้านเสถียรภาพต่างประเทศ ทั้ง ทุนสำรองสูง หนี้ต่างประเทศต่ำ อีกทั้งเงินเฟ้อในประเทศก็อยู่ในระดับต่ำ และ ภาคการส่งออกดีเกินคาด ผนวกกับทิศทางการผ่อนคลาย ทั้งนโยบายการเงินและการคลัง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินไทย ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองทางเทคนิค ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่ SET กำลังสร้างฐานสำหรับการไต่ตัวขึ้นสู่เป้าหมาย 1,350 – 1,370 จุด ตาม Price Pattern ของกราฟรายสัปดาห์ และรายเดือน โดย หุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคในประเทศ (Domestic Play) มีความน่าสนใจลงทุน แนะนำ CPAXT, THANI, ADVANC, BCP, SYNEX, TFG
นอกจากนี้ ทองคำ เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ไม่ยึดติดกับดอลลาร์ (De-dollarization) เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาเพิ่มสัดส่วนการถือครอง เพื่อกระจายความเสี่ยง ทดแทนการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ ทั้งยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากภาวะดอกเบี้ยขาลง โดย KTX ประเมินราคาเป้าหมายทองคำไว้ที่ระดับ 4,127 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นอกจากนี้ หุ้นเหมืองคำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน ด้วยได้ประโยชน์จากความต้องการทองคำที่แข็งแกร่ง ขณะที่ต้นทุนเหมืองยังทรงตัว ส่งผลให้ส่วนต่างกำไรของผู้ผลิตทองอยู่ในระดับที่สูงขึ้น
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังคงมีความน่าสนใจ แม้ช่วงที่ผ่านมาจะทำระดับสูงสุดใหม่รายวัน เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่วงจรการดำเนินนโยบายผ่อนคลาย การปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย มักเป็นสัญญาณบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งตามสถิติแล้วหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มักปรับตัวโดดเด่นกว่าดัชนี S&P500 โดยเฉพาะเมื่อธีมที่เกี่ยวเนื่องกับ AI เริ่มแสดงผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจริง และกลายเป็นแรงขับเคลื่อน GDP หลักของสหรัฐฯ ทำให้การเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รอบนี้ ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยการเก็งกำไรแบบฟองสบู่เหมือนในอดีต แต่มีพื้นฐานรองรับผ่านการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน เราคาดหมายว่า Amazon, Apple, ASML, CrowdStrike, Shopify จะปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น ปิดท้ายกันที่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาลจีน ทั้งการอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ โครงการ trade-in เพื่อกระตุ้นการบริโภค รวมถึงการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม semiconductor ภายในประเทศ และสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีให้แข่งขันได้ในตลาดโลก จะช่วยสร้าง sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนอย่าง Tencent, Kuaishou และ CATL
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น