เสียวหมี่ เผยกำไรสุทธิ ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 สูงขึ้น 182.9% เป็น 6 พันล้านหยวน นับเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์หลักขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เสียวหมี่ เผยกำไรสุทธิ ไตรมาสที่ 3 ปี 2566 สูงขึ้น 182.9% เป็น 6 พันล้านหยวน นับเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์หลักขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

 


กรุงเทพฯ ประเทศไทย 
22 พฤศจิกายน 2566 - เสียวหมี่ คอร์เปอเรชั่น ("เสียวหมี่หรือ "กลุ่มธุรกิจ"; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานไม่สอบทานสำหรับสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 (“ไตรมาส ปี 2566” หรือ “ช่วงเวลา”) นับตั้งแต่ได้เริ่มการดำเนินงานตามกลยุทธ์หลักขององค์กรที่มุ่งเน้น “การขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างผลกำไร” ควบคู่ไปกับการพัฒนากลยุทธ์ premiumization ทำให้เสียวหมี่นั้นสามารถเพิ่มทั้งรายได้และผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่สร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ ไตรมาส มีกำไรประจำไตรมาสที่สูงที่สุดในรอบ ปี ในไตรมาส ปี 2566 เสียวหมี่มีรายรับรวมสูงถึง 70.9 พันล้านหยวน และมีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 182.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) และเป็น 1.7 เท่าของกำไรรวมของปีที่แล้วซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มร. เหลย จุน (Lei Jun) ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของเสียวหมี่ คอร์เปอเรชั่น (Xiaomi Corporation) ได้ตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2563-2573 ภายใต้เป้าหมายใหม่ กลุ่มบริษัทมุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างยั่งยืนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐาน และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลก การตอกย้ำความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของเสียวหมี่ด้วยการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (“R&D”) ในไตรมาสที่ ของปี 2566 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาสูงถึง พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) และมีจำนวนบุคลากรทางด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนมากกว่า 53% ของจำนวนบุคลากรทั้งหมด กลุ่มบริษัทได้ยกระดับกลยุทธ์จาก “Smartphone x AIoT” ไปสู่ “Human x Car x Home” และเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ที่มีชื่อว่า Xiaomi HyperOS ซึ่งรวบรวมทุกความต้องการของผู้บริโภคไว้ในระบบนิเวศอัจฉริยะ (Ecosystem) แห่งเดียว ตั้งแต่อุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะ ไปจนถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่อัจฉริยะ

 

เสียวหมี่ ได้ดำเนินกลยุทธ์โดยเน้น ด้านคือ “ด้านขนาดของธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาส ของปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทสูงถึง 22.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง ไตรมาสติดต่อกัน ปริมาณสินค้าคงคลังรวมอยู่ที่ 36.8 พันล้านหยวน ลดลง 30.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) นับเป็นการแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งการลดลงดังกล่าวทำให้เสียวหมี่สามารถปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ทรัพยากรเงินสดของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 127.6 พันล้านหยวน ซึ่งถือเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับเสียวหมี่ในการส่งเสริมนวัตกรรม

 

สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมมียอดขายและการยอมรับ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็นประวัติการณ์

ในไตรมาส ของปี 2566 การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลงเล็กน้อย 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เสียวหมี่ได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ โดยแสดงการเติบโตทั้งปีต่อปี (“YoY”) และไตรมาสต่อไตรมาส (“QoQ”) บริษัทมีการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกจำนวนถึง 41.8 ล้านเครื่อง นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ ไตรมาสที่ผ่านมา

 

ในช่วงเวลานี้ ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่มีการเติบโตของรายได้ 13.8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แตะที่ 41.6 พันล้านหยวน อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16.6% เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักของกลุ่มบริษัท เสียวหมี่ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยกลยุทธ์ระดับพรีเมียม ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใช้อย่างกว้างขวางและทำให้มียอดขายที่ทะลุเป้า โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้เปิดตัว Xiaomi 14 Series ในประเทศจีน ในช่วง นาทีแรกหลังจากเปิดตัว Xiaomi 14 Series สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง เท่าของยอดขายเริ่มแรกของ Xiaomi 13 Series ซึ่งเกิน ล้านเครื่องในช่วงการขายเริ่มแรก และได้รับคะแนนเชิงบวกมากกว่า 99% บนแพลตฟอร์ม JD.com เสียวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม ซีรีส์ติดต่อกัน รวมถึง Xiaomi 14 Series ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากจากลูกค้าในเดือนแรกหลังจากเปิดตัวสู่ตลาด


ประสิทธิภาพ การจัดการงาน การจัดการหน่วยความจำ และการจัดการไฟล์ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับการเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ Xiaomi HyperConnect ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ขั้นสูงช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงระหว่างอุปกรณ์หลายเครื่อง ซึ่งความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทต่อระบบอัจฉริยะเชิงรุก (Proactive Intelligence) ได้ก่อให้เกิด Xiaomi HyperMind ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้อัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ และ Xiaomi HyperOS ได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงมาสนับสนุนซึ่งทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วย AI ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร (End-to-End Security) เสียวหมี่ก็ได้พัฒนาขึ้นเองด้วย Trusted Execution Environment (TEE) โดยทำงานบนฮาร์ดแวร์เฉพาะ ทำหน้าที่เป็นรากฐานของระบบย่อยการรักษาความปลอดภัย เสียวหมี่ใช้การเข้ารหัสจากแบบครบวงจรผ่าน TEE สำหรับการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ขยายขอบเขตการป้องกันไปยังระบบความปลอดภัยที่เชื่อมต่อถึงกัน นอกจากนี้ Xiaomi HyperOS ยังยึดหลักการของแพลตฟอร์มแบบเปิด (Open Platform) อีกด้วย โดยกลุ่มบริษัทได้เปิดขยายคำเชิญไปยังนักพัฒนาแอปพลิเคชันและฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ รวมทั้งให้สิทธิ์การเข้าถึง Xiaomi HyperConnect แบบเปิด และยังได้ประกาศการเปิดซอร์สของ Xiaomi Vela เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับนักพัฒนาทั่วโลกในการพัฒนานวัตกรรม และออกแบบการทำงานร่วมกันที่ดียิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad