บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEL) โชว์ผลงานไตรมาส 3/66 มีกำไร 41 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของ อินโน พรีคาสท์ ฟากผู้บริหาร “วุฒิชัย เศรษฐบุตร” ระบุ พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างทางธุรกิจครั้งใหญ่ ส่งบริษัทย่อย อินโน พรีคาสท์ ลุยขยายธุรกิจพรีคาสท์รายใหญ่ที่สุดของไทย เดินหน้ารับรู้รายได้เพิ่มกว่าสองเท่าตัว ผลักดันผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์
นายวุฒิชัย เศรษฐบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (
GEL) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 3/2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 52 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 752 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทฯ พลิกกลับมามีกำไร มาจากการรับรู้รายได้หลัง “อินโน พรีคาสท์” กลายเป็นบริษัทย่อยของ GEL ทำให้ บริษัทฯ รับรู้รายได้ที่สูงขึ้นจากการรวมงบการเงินกับ
บริษัท อินโน พรีคาสท์ ทำให้ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการปรับโครงสร้างกิจการของบริษัทฯ โดยการโอนกิจการบางส่วน (Partial Business Transfer: PBT) และ/หรือการซื้อขายกิจการบางส่วน และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 880 ล้านบาท ให้กับ บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นจำนวน 1,019,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ซึ่งหลังการปรับโครงสร้างกิจการของ GEL ในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ บริษัทฯ จะถือหุ้นในอินโน พรีคาสท์ เป็นจำนวน 2,090,990 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55.4 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ อินโน พรีคาสท์ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในธันวาคม 2566 และ อินโน พรีคาสท์ จะก้าวสู่ผู้นำธุรกิจพรีคาสท์รายใหญ่ที่สุดของไทย
ปัจจุบัน
GEL ยังมุ่งหน้าและก้าวสู่บริษัทผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างชั้นนำ ซึ่งหลังจากการปรับโครงสร้างกิจการในครั้งนี้ และการมี อินโน พรีคาสท์ เป็นบริษัทย่อยของ GEL จะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้สูงขึ้นเกือบสองเท่าตัว จากการรวมงบการเงินกับบริษัท อินโน พรีคาสท์ ที่จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างของฐานลูกค้าเดิม รวมถึงจากทางพฤกษา และลูกค้ารายอื่นในอนาคต ช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย (Economy of Scale) ในระยะยาว รวมถึงบริษัทฯ มีกลยุทธ์การสร้างแพลตฟอร์มในการนำเทคโนโลยีที่ดีกว่ามาปรับใช้ ทำให้มีต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมต่อลูกค้าของบริษัทฯ
“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 บริษัทฯ ยังเดินหน้าส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมาก และพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เทคโนโลยีสีเขียวจากอินโน พรีคาสท์ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่สนใจเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานของ GEL มีโอกาสเทิร์นอะราวด์ โดยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ศักยภาพการผลิตที่มากขึ้น และการสร้างรายได้ที่มั่นคง” นายวุฒิชัย กล่าวในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น