วันนี้ (วันที่ 15 มีนาคม 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานประชุม WORKSHOP IGNITE THAILAND’S TOURISM พร้อมด้วย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เน้นการผลักดัน 5 ประเด็นสำคัญ ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น Tourism Hub หรือ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยว” ของภูมิภาคอย่างแท้จริง เพื่อเพิ่มรายได้ในทุกมิติ
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปี 2567 รัฐบาลมีเป้าหมายท้าทายในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของประเทศไทยที่ทางรัฐบาลเร่งผลักดัน พร้อมพัฒนาปัจจัยเกี่ยวเนื่องของวงจรการท่องเที่ยว ปรับกลยุทธ์ให้นักท่องเที่ยวเพิ่มรายจ่ายต่อทริปและเพิ่มจำนวนวันพักของนักท่องเที่ยว กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองหลักและเมืองรองอย่างทั่วถึง โดยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมครั้งนี้จะมีการผลักดัน 5 ประเด็นสำคัญที่จะระดมสมองกันเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประกอบด้วย
1. Must do in Thailand โดยใช้เสน่ห์ของประเทศไทย
Amazing Thailand เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย
ได้แก่ 1. อาหารไทย 2. มวยไทย 3.
ผ้าไทย 4. วัดไทย และ 5. Thai Show ใช้ความทรงพลังของเอกลักษณ์ไทย
ผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เข้าไปอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
เพื่อให้นักท่องเที่ยวนึกถึงประเทศไทยเป็นประเทศแรก
2. เมืองหลักชูเมืองรอง ผลักดันทุกเมืองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ทั้ง 365
วัน ยกระดับเมืองรองให้เป็นจุดท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรอง
ส่งต่อและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าไปสัมผัสประสบการณ์
ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของเมืองรองพร้อมกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
ยกระดับมาตรฐานที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกิดความยั่งยืน
จากระดับชุมชนสู่ชุมชน จากเมืองสู่เมือง และจากประเทศสู่สายตาชาวโลก
3. World Class Events เพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางกลุ่ม
MICE ด้วยการเตรียมความพร้อมของสนามกีฬาขนาดใหญ่
ศูนย์การประชุม
ศูนย์การจัดแสดงสินค้าที่มีมาตรฐานและศักยภาพในการรองรับการจัดงานอีเว้นท์ระดับโลก
ผลักดันให้ไทยเป็นเมืองศูนย์กลางมหกรรมความบันเทิงระดับโลก ก้าวสู่การเป็นเมืองศูนย์กลางงานเทศกาล
งานศิลปะ งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ การประชุมระดับนานาชาติ และมหกรรมคอนเสิร์ต
โดยนำศิลปินระดับโลกเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
และการจัดงาน Mega Events และยกระดับเทศกาลไทยจาก Local
to Global เช่น มหาสงกรานต์ ลอยกระทง
ที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งการจัดมหกรรมในระดับ World
Class Events จะสร้างรายได้ให้กับทุกภาคส่วน
และกระจายลงสู่ระดับภูมิภาค ท้องถิ่น และชุมชนอย่างทั่วถึง
4. ASEAN Connectivity จับมือกับประเทศพันธมิตรในระดับภูมิภาค
โดยใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย
สร้างความเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ
เพื่อรวมการท่องเที่ยวในภูมิภาคให้เป็นหนึ่งเดียว
โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักต้อนรับนักท่องเที่ยว
ผลักดันให้เกิด Single Visa และการนำเทคโนโลยีมายกระดับการบริหารจัดการพิธีการข้ามแดน
รวมทั้งปลดล็อคปัญหาอุปสรรคในการข้ามแดน เชื่อมโยงล้อ ราง เรือ อย่างเป็นระบบ
เพื่อก้าวสู่การเป็น ASEAN One Destination โดยไทยเป็นศูนย์กลาง
5. การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจเลือก
Destination ในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ความสะดวก ความสะอาด
รวมทั้งการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
โดยต้องบูรณาการความร่วมมือในการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ใช้เสน่ห์ ความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีของคนไทย
ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
ร่วมกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลความปลอดภัยสร้างความอุ่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
สร้างความมั่นใจโดยการอัพเกรดมาตรฐานการให้บริการให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
ใส่ใจความสะอาด ตระหนักความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการยกระดับการให้บริการ
สร้างประสบการณ์ที่ดีและภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ
นำไปสู่การกลับมาท่องเที่ยวซ้ำและบอกต่อ สู่การเป็นบ้านหลังที่สองที่อบอุ่นใจเมื่อได้กลับมาเยือน
ทั้งนี้ ผลจากการประชุมระดมความคิดเห็นทั้ง 5 ประเด็นผลักดันในครั้งนี้ จะมีการนำเสนอให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การนำศักยภาพจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง
ให้สังคมไทยอย่างทั่วถึงและยั่งยืนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น