( 2 พฤษภาคม 2567) สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการความร่วมมือการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพัฒนาเขตนวัตกรรม Net Zero Emission สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ (SARABURI SANDBOX)” บรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission
ดร.ชนะ
ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดเผยว่า
การลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง TCMA และ สอวช.
ในวันนี้ นับเป็นอีกก้าวของความร่วมมือเดินหน้าสระบุรีแซนด์บ็อกซ์
ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ (SARABURI SANDBOX LOW CARBON CITY)
ที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี มาสนับสนุนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
Energy Transition ไปสู่การบรรลุเป้าหมาย Thailand
2050 Net Zero Cement and Concrete รวมถึงเชื่อมโยงการนำนวัตกรรม
เทคโนโลยี และแหล่งทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการพัฒนาเขตนวัตกรรม Net
Zero Emission สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ (SARABURI SANDBOX)
โดยโครงการแรกที่จะร่วมกันดำเนินการ
คือ การศึกษาการใช้ประโยชน์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์เมทานอล ครอบคลุมด้านเทคโนโลยี
ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ปริมาณอุปสงค์อุปทาน (Demand
Supply) กฎระเบียบและข้อจำกัดต่างๆ และเชื่อมโยงผลการศึกษาใช้ประโยชน์กับการดำเนินงานภายใต้สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดักจับและการใช้ประโยชน์คาร์บอน
(Carbon Capture
Utilization: CCU) จากอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เพื่อให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
และขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกลไกระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ CO2 ให้เป็นผลิตภัณฑ์เมทานอล (Methanol)
และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการหมุนเวียนคาร์บอนสำหรับเศรษฐกิจสีเขียว
ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนเทคโนโลยีสีเขียวในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เป็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนในกระบวนการผลิต
สร้างมูลค่าให้กับของเสียจากกระบวนการผลิตจาก CO2
ขณะเดียวกันก็สามารถลดการปลดปล่อย
CO2 ทั้งนี้ ประมาณการว่า การนำเทคโนโลยี CCU
มาสร้างห่วงโซ่คุณค่าเป็นผลิตภัณฑ์ จะสามารถช่วยประเทศไทยลดก๊าซเรือกระจกได้ถึง
12 ล้านตัน CO2 ต่อปี
ดร.กิติพงค์
พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวถึงที่มาของบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ว่า
สอวช.
เป็นหน่วยประสานงานกลางการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
(National Designated Entity: NDE) ภายใต้กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี
(Technology Mechanism) ของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC)
ทั้งนี้ จากการเข้าร่วมประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ (COP) ทุกปี ได้เห็นว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญของการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) เข้าถึงโอกาสการได้รับการสนับสนุนจากกลไกระดับนานาชาติที่ปัจจุบันมีการพัฒนาต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก และเพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology) จากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว มีศักยภาพและทรัพยากรต่างๆ เพียงพอที่จะพัฒนา เล็งเห็นการมีพื้นที่นำร่องนวัตกรรมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่าง SARABURI SANDBOX จะเป็นการแสดงให้เห็นความเอาจริงเอาจังกับระดับนานาชาติ และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการสนับสนุนระดับนานาชาติและสร้างผลกระทบสูงจากการรวมกันดำเนินการใน 1 พื้นที่ และพื้นที่จังหวัดสระบุรีมีความพร้อมด้วยภาคอุตสาหกรรมซีเมนต์เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพื้นที่นี้ และมีความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนผ่านและสร้างผลกระทบสูงในการให้เกิดพื้นที่ Net Zero Emission
ดร. ชนะ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง TCMA และ สอวช. นี้ จะสามารถให้แนวทาง
ที่ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุด ในการหาแนวทางพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของพื้นที่สู่
Net Zero Emissions และเชื่อมโยงการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี
และแหล่งทุน ทั้งในระดับชาติและ
ระดับนานาชาติ สำหรับการพัฒนาเขตนวัตกรรม Net Zero Emission สระบุรีแซนด์บ็อกซ์
(SARABURI SANDBOX)”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น