งานอบรม “Enable ESG Bond Issuance 2025 : Practical Approaches, Challenges, and Opportunities” 26 พฤษภาคม 2568 - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

งานอบรม “Enable ESG Bond Issuance 2025 : Practical Approaches, Challenges, and Opportunities” 26 พฤษภาคม 2568

 


เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จัดอบรม "Enable ESG Bond Issuance Seminar 2025: Practical Approaches, Challenges, and Opportunities” ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้กลุ่มความยั่งยืน (Green, Social, Sustainability Bond and Sustainability–linked Bond) ) และเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงการดำเนินการในทางปฎิบัติ โดยมีผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมอบรมกว่า 150 ท่าน จาก 75 องค์กร

 ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือและการสนับสนุนของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในตลาดเงินและตลาดทุน ในการส่งเสริมความยั่งยืนของประเทศที่จะไปสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น และเน้นย้ำถึงจุดประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้ที่ต้องการให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจกระบวนการของการออก ESG Bond ผ่านการเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ และการทำ Workshop แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแต่ละธุรกิจแบบกลุ่ม เพื่อให้สามารถนำไปสู่การปฎิบัติจริงได้

 คุณมนตรี คงเครือพันธุ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงนโยบายการขับเคลื่อนสังคมอย่างยั่งยืนขององค์กรที่เชื่อมโยงเข้ากับกลยุทธ์การเงิน โดยการออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ของ AIS ครอบคลุมทั้งโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานสะอาดและการจัดการของเสีย รวมถึงโครงการทางสังคม เช่น การขยายโครงข่ายเพื่อเข้าถึงการสื่อสารในพื้นที่ห่างไกล และการส่งเสริมการเข้าถึงบริการดิจิทัลของประชาชน โดยได้วางกรอบการดำเนินงาน (Framework) ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และการบริหารจัดการเงินที่ได้รับอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนำไปสู่ความเชื่อมั่นจากนักลงทุน สะท้อนจากหุ้นกู้ ESG ของบริษัทที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 คุณชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงบทบาทของบริษัทในการเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนของภาคบริการและท่องเที่ยว โดยบริษัทกำหนดกลยุทธ์ความยั่งยืนใน 3 มิติ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพของคน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน บริษัทออก SLB รุ่นแรก โดยกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Scope 1 & 2) และการใช้น้ำต่อห้องพัก พร้อมกลไกปรับอัตราดอกเบี้ยแบบ Step-up/ Step-down ที่เชื่อมโยงกับเป้าหมาย และ SLB รุ่นที่สอง (พ.ค. 2568) เน้นการลด GHG แบบสัมบูรณ์ (Absolute Reduction) ลง 42% ภายในปี 2573 ความท้าทายสำหรับการออกตราสาร SLB ก็คือ ความต้องการข้อมูลที่แม่นยำเชื่อถือได้ มาตรฐานบัญชีที่ต้องชัดเจนและความใหม่ของตลาดซึ่งต้องส่งเสริมองค์ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้อง

 สำหรับช่วงเสวนาในหัวข้อ “Navigating ESG Bond Issuance – Regulatory Insights, Taxonomy Integration, and Credit Enhancement” ได้รับเกียรติจากผู้บริหารจากองค์กรภาครัฐและเอกชน ได้แก่

 คุณทยากร จิตรกุลเดชา ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การออกตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ตราสารหนี้ปัจจุบัน โดยเพิ่มข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูล เกี่ยวกับมาตรฐานที่ใช้ วัตถุประสงค์การใช้เงิน การสนับสนุนให้มีผู้ประเมินภายนอกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และ การรายงานหลังการขายเพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ทั้งนี้ ปัจจุบัน ก.ล.ต. ได้ขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตและ Filing สำหรับ ESG bond ออกไปอีก 3 ปีจากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือน พ.ค. 2568

 คุณแจ่มจันทร์ ศิริกาญจนาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจหลักทรัพย์ตราสารหนี้ และฝ่าย ESG Finance ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงวิวัฒนาการของมาตรฐานการเงินเพื่อความยั่งยืน และบทบาทของ Taxonomy ในการเป็นเครื่องมือสนับสนุนการออก ESG Bonds การขอสินเชื่อทางการเงินและยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เป้าหมาย Net Zero ผ่านความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และภาคการเงิน โดยบทบาทของ Taxonomy ครอบคลุมทั้งช่วงก่อนและหลังการออกตราสาร ช่วยส่งเสริมความชัดเจนของโครงการ การจัดทำรายงานผลกระทบ การประเมินจากบุคคลภายนอก และการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

 คุณสุพัตรา ขนิษฐบุตร, Investment Specialist Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) กล่าวถึงบทบาท CGIF ในการสนับสนุนการออกตราสารหนี้ ESG ในภูมิภาคอาเซียน+3 โดยการใช้เครื่องมือค้ำประกันเครดิต (Credit Guarantee) เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือของตราสาร และขยายฐานนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดย CGIF ได้สนับสนุนการออก ESG Bonds แล้วจำนวน 12 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 850 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุม Green Bonds, Blue Bonds, Social Bonds และ Sustainability-linked Bonds โดยมีเกณฑ์การพิจารณา เช่น ความสอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและสังคม การไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต้องห้าม และการมี credit profile ที่เหมาะสม

 คุณอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้กล่าวถึงพัฒนาการของการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (ESG Bonds) ในประเทศไทย และบทบาทของ ThaiBMA ในการสนับสนุนการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ ESG ทั้งด้านการส่งเสริมอุปทานผ่านทุนสนับสนุนจาก CMDF การส่งเสริมอุปสงค์ผ่านหลักสูตรอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ และการพัฒนาระบบข้อมูลสนับสนุนต่างๆ อาทิ ESG Information Platform ESG League Table และ ESG Bond Index

 ทั้งนี้ ทุนสนับสนุนจาก CMDF ในโครงการ ESG Bond Issuance Grant Scheme จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายการใช้บริการผู้ตรวจสอบภายนอก (External Reviewers) และค่าใช้จ่ายในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ ESG สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อผู้ออก และต่อประเภทตราสาร โดยเป็นตราสารที่ออกในประเทศไทยและยื่น Filing กับ กลต. ไม่เกิน 31 ก.ค. 2570

 สำหรับการบรรยายในภาคบ่าย ได้รับเกียรติจากผู้บริหารภาคเอกชนจำนวน 4 องค์กร

 ดร. แมน ชุติชูเดช รองเลขาธิการ กลุ่มงานกลยุทธ์ลงทุนและบริหารผู้จัดการกองทุน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงบทบาทของ กบข. ในฐานะนักลงทุนสถาบันที่ส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน โดยเน้นการสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนทางการเงินและผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดย กบข. ใช้แนวทาง ESG Integration และ Active Ownership ในการคัดเลือกผู้จัดการกองทุนและการพิจารณาลงทุน โดยเฉพาะในตราสารหนี้ ซึ่งมีการนำคะแนน ESG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการประเมิน พอร์ต ESG Bonds ของ กบข. เติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 9 พันล้านบาทในปี 2563 เป็นกว่า 9 หมื่นล้านบาทในปี 2567

 ความคาดหวังหลักของ กบข. ได้แก่ การมีผู้ตรวจสอบอิสระ (Verifier) ที่น่าเชื่อถือ การรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ การตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นจริงได้ และการมีความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย ตัวอย่างเกณฑ์สำคัญที่ กบข. ใช้พิจารณา ได้แก่ ความสามารถในการชำระหนี้ อันดับความน่าเชื่อถือ Credit Spread เงื่อนไขของตราสาร และความสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนระดับองค์กร

 คุณมนตรี อุปถัมภากุล, SVP ฝ่ายทุนธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า ESG bond ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือทางการเงิน แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่สร้างความน่าเชื่อถือ เชื่อมโยงแผนพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กรเข้ากับตลาดทุน และเปิดโอกาสในการเข้าถึงนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ผู้จัดจำหน่ายจึงมีบทบาททั้งด้านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาโครงสร้างตราสารทางการเงิน การจัดทำเอกสารและรายงานผลกระทบ ไปจนถึงการช่วยลดความเสี่ยงด้าน Greenwashing ผ่านการออกแบบตัวชี้วัด (KPI) ที่ชัดเจนและมีความท้าทาย พร้อมผลักดันให้องค์กรออก ESG Bond ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

 Mr. Thomas Leonard, Head of Sustainable Finance APAC, DNV (Thailand) Co., Ltd. ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของบทบาท SPO ในกระบวนการออก ESG Bond ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของตราสารทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยเน้นย้ำ 4 ด้านหลัก ได้แก่ ความเหมาะสมของการใช้เงินทุน (Use of Proceeds), กระบวนการประเมินและคัดเลือกโครงการ, การบริหารจัดการเงินทุน, และการรายงานผลลัพธ์อย่างโปร่งใส ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการเกิด “Greenwashing” สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสในระยะยาว

 คุณโกสินทร์ พึงโสภณ ผู้เชี่ยวชาญภาคการเงินอาวุโส และ คุณฝนทิพย์ ยุทธเสรี ที่ปรึกษา ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้กล่าวถึงกระบวนการสำคัญในการออกตราสารหนี้ที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds: SLBs) โดยเน้นการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ (KPI) และเป้าหมายที่ท้าทายและตรวจสอบได้ (SPT) ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเปลี่ยนผ่านขององค์กรไปสู่ความยั่งยืน และได้นำเสนอกรณีศึกษาเชิงลึกจากบริษัทชั้นนำของไทย ที่ได้นำเสนอ KPI และมีเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้จริง เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการส่งเสริมบทบาททางสังคม สะท้อนให้เห็นว่า SLB เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงกลยุทธ์ด้าน ESG ขององค์กรเข้ากับการระดมทุนในตลาดทุน ทั้งยังช่วยให้นักลงทุนมั่นใจในความโปร่งใสและความตั้งใจจริงของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนความยั่งยืน

 โดยมีการอภิปรายกลุ่มสำหรับการจัดทำกรอบสำหรับการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน การกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPI) และเป้าหมายที่ท้าทายและตรวจสอบได้ (SPT) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพิจารณาโครงการที่เกี่ยวข้องตามบริบทของแต่ละองค์กรเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการเริ่มต้นการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad