บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (Canon) ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยีอิมเมจจิ้งระดับโลก เปิดเกมรุกธุรกิจงานพิมพ์ไทยเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน Canon ตระกูล imageFORCE Series 4 รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมนวัตกรรม AI ล้ำสมัย พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานในโลกธุรกิจภายใต้ 4 แนวคิดหลัก คือ 1.) ความน่าเชื่อถือในคุณภาพ 2.) ความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูล 3.) การเชื่อมต่อที่ครอบคลุม และ 4.) การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เดินหน้าปฏิวัติโซลูชันงานพิมพ์กับก้าวสำคัญสู่การปรับภาพลักษณ์จากผู้จำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารแบบเดิม สู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันที่ตอบโจทย์การทำงานในยุคไฮบริดมากยิ่งขึ้น พร้อมโชว์ศักยภาพโรงงานแคนนอน จังหวัดปราจีนบุรี สู่การสร้างฐานการผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันคุณภาพระดับโลกอีกด้วย
นายฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แคนนอนมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์อย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแค่ฟีเจอร์ใช้งานที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโซลูชันการพิมพ์ที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุค AI ได้อย่างครับครัน เพราะในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงปลอดภัย และการเชื่อมต่อออนไลน์ ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในธุรกิจทุกประเภท เราจึงได้พัฒนา imageFORCE Series เพื่อช่วยสนับสนุนงานพิมพ์ได้อย่างชาญฉลาด พร้อมกับผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้งในด้านวัสดุ การประหยัดพลังงาน และการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่าในระยะยาว เราจึงมั่นใจว่า imageFORCE Series จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทยได้อย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านในการเดินหน้าแคมเปญครั้งนี้ร่วมกัน”
แคนนอนมีเป้าหมายในการพัฒนานวัตกรรมที่ดีที่สุดสู่ผู้คนทั่วโลก ผ่านการจัดตั้งศูนย์การผลิตระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงสุดโดยอาศัยทักษะฝีมือแรงงานไทยที่มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่าสากล โรงงานแคนนอนในประเทศไทยดำเนินการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกควบคู่กับความเชี่ยวชาญด้านการผลิตขั้นสูง โดยแรงงานท้องถิ่นที่มีความสามารถสูง เพื่อมุ่งเน้นกระบวนการผลิตที่ถูกต้อง แม่นยำ และได้มาตรฐานสากล พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
นายมาโกโตะ นากามูระ ประธานบริษัท แคนนอน ปราจีนบุรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟั
งก์ชัน imageFORCE Series นี้ ไม่ใช่แค่ก้าวสำคัญของแคนนอน แต่ยังสะท้อนถึงศั
กยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์
กลางการผลิตเทคโนโลยีระดับโลก แคนนอนให้ความสำคัญกับการส่
งมอบนวัตกรรมคุณภาพสูงอย่างยั่
งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โรงงานแคนนอนปราจีนบุรีมีการผลิ
ตด้วยระบบอัตโนมัติที่ทันสมั
ยและใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 30% นอกจากนี้เรายังคงยึดหลั
กความละเอียดและแม่นยำในการผลิ
ตควบคู่กับการดูแลพนักงาน เพราะเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดี
ที่สุดเริ่มต้นจากสภาพแวดล้
อมการทำงานที่ดี ปัจจุบัน โรงงานแคนนอนปราจีนบุรี ในประเทศไทยผลิตเครื่องพิมพ์มั
ลติฟังก์ชัน รุ่น imageRUNNER และ imageRUNNER Advance DX ทั้งหมด 20 รุ่น และกำลังผลิตเครื่องพิมพ์มัลติ
ฟังก์ชัน ในกลุ่ม imageFORCE Series ใหม่เพิ่มเติมอีก 9 รุ่นภายในปี 2568”
imageFORCE Series มอบโซลูชันเพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั
นเจเนอเรชันใหม่ล่าสุดจากแคนนอน ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด
“Make Business Move” โดยไม่เพียงนำเสนอนวั
ตกรรมการพิมพ์ประสิทธิภาพสูงเท่
านั้น แต่เป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์
การทำงานในโลกยุคดิจิทัลที่เปลี่
ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกมิติ โดยครอบคลุม 4 แนวคิดหลัก ได้แก่
- Reliability – มอบคุณภาพที่คุณเชื่อถือได้สูงสุดเพราะผลิตขึ้นในประเทศไทยทั้งหมด ณ โรงงานแคนนอนจังหวัดปราจีนบุรี ภายใต้มาตรฐานระดับโลกและฝีมือแรงงานไทยที่มีคุณภาพ โดดเด่นด้วยฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูล AI แบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพและแจ้งเตือนการบำรุงรักษาเชิงรุก
- Security – มอบความปลอดภัยแบบ 360° เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญผ่านการประเมินความปลอดภัยของระบบอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะนำการตั้งค่าความปลอดภัยที่เหมาะสม ตามสภาพแวดล้อมขององค์กรที่แตกต่างกัน
- Connectivity – การเชื่อมต่อที่ราบลื่นได้หลายช่องทาง สามารถใช้ร่วมกับบริการ Cloud ชั้นนำ เช่น Google Drive™, Dropbox, OneDrive รวมถึงเชื่อมต่อกับ Microsoft Teams, SharePoint Online และแอปพลิเคชันมือถือ Canon PRINT ได้อย่างง่ายดาย จึงสนับสนุนการทำงานทางไกลแบบไร้รอยต่อ
- Sustainability – ตอบโจทย์ความยั่งยืนเพื่ออนาคต โดย imageFORCE Series ทุกรุ่นใช้วัสดุรีไซเคิลมาสูงถึง 30% พร้อมเทคโนโลยีช่วยประหยัดพลังงาน เช่น ผงหมึกจุดหลอมเหลวต่ำและระบบหลอมรวมแบบตามความต้องการ รวมถึงผสานแนวคิดรักษ์โลกในทุกขั้นตอนตลอดกระบวนการผลิต
กลยุทธ์ของส่วนงานแคนนอน บิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น (Business Imaging Solution) ยังคงให้ความสำคัญกั
บการเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่
มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์มัลติฟั
งก์ชัน ซึ่งครอบคลุมโซลูชันด้านการพิ
มพ์ การจัดการเอกสาร และระบบการทำงานอัตโนมัติในสำนั
กงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้
องการขององค์กรที่เปลี่
ยนแปลงไปอย่างรวดเร็
วในการทำงานยุคไฮบริด นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้
ในทุกภาคส่วนขององค์กร เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กั
บลูกค้า และสร้างความสามารถในการแข่งขั
นในยุคดิจิทัลนอกจากนี้แคนนอนยั
งคงมุ่งมั่นผสานเทคโนโลยี AI Smart Maintenance และการผสานการทำงานร่วมกั
บระบบคลาวด์เพื่อช่วยรวบรวมข้
อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนิ
นงานได้อย่างราบรื่นและมีเวิร์
กโฟลว์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

นายพงศพร กรอบสนิท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แนวโน้มการทำงานยุคใหม่ชี้ชั
ดว่า องค์กรให้ความสำคัญกับความร่
วมมือในสำนักงาน ความปลอดภัยของข้อมูล ความยั่งยืน และการนำ AI มาใช้มากขึ้น แคนนอนจึงต้องปรับตัวเพื่อส่
งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกมิติ
ของการเปลี่ยนแปลงนี้ จากผลสำรวจตามรายงาน Quocirca: Print Industry Trends 2025 รายงานว่า กว่า 69% ของลูกค้าคาดหวังให้ซั
พพลายเออร์หรือพาร์ทเนอร์ทางธุ
รกิจมีส่วนร่วมลดผลกระทบต่อสิ่
งแวดล้อม แต่ในขณะเดียวกันองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกมีแผน ลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยี AI และ Machine Learning แสดงให้เห็นว่าองค์กรในวันนี้ต้
องการเทคโนโลยีที่ทั้
งชาญฉลาดและยั่งยืน และแคนนอนเชื่อว่าโซลูชันด้
านการพิมพ์ในอนาคต ต้องไม่เพียงตอบสนองความต้
องการด้านประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องผสานความปลอดภัย ระบบคลาวด์ และความยืดหยุ่นของ Hybrid Work ได้อย่างลงตัว”
แคนนอน ครองอันดับ 1 ตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน - เลเซอร์ A3 และ A4 ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อนในภูมิภาคเอเชีย[1]การเติบโตที่สวนกระแสตลาดด้
วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้
องการขององค์กรยุคใหม่ ทำให้แคนนอนสามารถรักษาส่วนแบ่
งตลาดกลุ่มเครื่องพิมพ์มัลติฟั
งก์ชัน ในกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารขาวดำ ได้ถึง 28% กลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารสีกว่า 20% แม้ภาพรวมตลาดจะมีการเปลี่
ยนแปลงตามพฤติกรรมการใช้
งานของลูกค้า
“ตลาดเครื่องถ่ายเอกสารสีมี
การเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายสูงถึง 25,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 127% นอกจากนี้แนวโน้มตลาดในอนาคต ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยื
นและความปลอดภัยหลัก ดังนั้นโจทย์ของแคนนอนคือไม่เพี
ยงแต่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเท่
านั้น แต่ยังต้องมองเรื่องของความยั่
งยืนควบคู่กันด้วย อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันผู้
ใช้งานส่วนใหญ่ยังไม่ลดการพิมพ์
ลง มีผู้ใช้งานกว่า 60% มองว่าการพิมพ์เป็นสิ่งจำเป็
นในการสื่อสารกับลูกค้า และ 57% เชื่อว่าข้อมูลสำคั
ญควรนำเสนอในรูปแบบสิ่งพิมพ์เพื่
อสร้างความน่าเชื่อถือ ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดยังคงมีความต้องการอุปกรณ์
ที่มี คุณภาพสูง ปลอดภัย และตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งแคนนอนสามารถตอบสนองได้อย่
างครอบคลุม” นายพงศพร กล่าวเสริม
ดังนั้นภายในปีพ.ศ 2568 นี้
แคนนอนจึงพร้อมเดินหน้าเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน imageFORCE Series 4 รุ่น ที่ มาพร้อมระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ช่วยลดความซับซ้
อนของกระบวนการทำงาน และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยขั้
นสูงที่ช่วยปกป้องข้อมูลสำคั
ญขององค์กร มอบประสบการณ์การใช้งานที่
ทรงพลัง เข้าใจง่าย และช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้
อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดดังนี้
- imageFORCE C5100 – เครื่องพิมพ์ A3 สีความเร็วสูง รองรับปริมาณงานพิมพ์มาก พร้อมระบบ AI อัจฉริยะ
- imageFORCE 6100 – เครื่องพิมพ์ A3 ขาวดำ ตอบสนองการใช้งานของทีมงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- imageFORCE C7165 – เครื่องพิมพ์สี รุ่นเรือธงที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด ครบเครื่องทั้งคุณภาพงานพิมพ์และฟีเจอร์อัจฉริยะแบบจัดเต็ม
- imageFORCE C3150 – เครื่องพิมพ์สี ดีไซน์กะทัดรัดเหมาะสำหรับออฟฟิศขนาดกลาง และรองรับงานพิมพ์ความเร็วสูงได้ กำหนดวางจำหน่ายในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พร้อมกันนี้แคนนอนยังได้นำเสนอ 2 นวัตกรรมใหม่ คือ
เทคโนโลยี D² Exposure ที่ใช้อุปกรณ์การผลิ
ตจอแสดงผลไดโอดเปล่งแสงอินทรีย์ (OLED) ในการพิมพ์ มอบคุณภาพงานพิมพ์ระดับพรีเมียม ด้วยสีสันคมชัด ตัวอักษรคมชัดทุกมิติ และความละเอียดสูงถึง
4,800 x 2,400 dpi เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้
องการงานพิมพ์คุณภาพสูงในทุกชิ้
นงาน ผลิตภัณฑ์กลุ่ม imageFORCE series คืออีกก้าวสำคัญของแคนนอน ในการสนับสนุนธุรกิจไทยให้
สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับทุกการเปลี่
ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล และยกระดับการบริการไปอีกขั้นด้
วย เทคโนโลยี E2 Analysis การวิเคราะห์ข้อมูลและอัลกอริทึ
มด้วย AI ช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหางานพิ
มพ์ล่วงหน้าได้จากระยะไกลก่อนที่
ปัญหาจะเกิดขึ้น ถือเป็นการบำรุงรักษาเชิ
งคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานพิ
มพ์ ลดความผิดพลาด ลดเวลาหยุดชะงัก (downtime) และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม อีกทั้งการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้
ใช้งานนี้จะช่วยให้
ระบบสามารถปรับปรุงข้อผิดพลาดต่
าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้
สอดคล้องกับการใช้งานได้ดียิ่
งขึ้นในอนาคต
เดินหน้าสู่พันธกิจเพื่อความยั่งยืนของแคนนอนแคนนอนยังคงมุ่งมั่นดำเนินพั
นธกิจในฐานะผู้นำเทคโนโลยีอิ
มเมจจิ้งระดับโลก ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริ
การที่ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะในยุคที่การเชื่อมต่
อออนไลน์ ความปลอดภัย และความยั่งยืนกลายเป็นหั
วใจสำคัญ ทำให้แคนนอนให้ความสำคัญกั
บการพัฒนาอย่างสมดุลในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้คน พร้อมเดินหน้าสร้างนวัตกรรมเพื่
อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมงานพิมพ์
ไทยให้เติบโตสู่อนาคตอย่างยั่
งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น