กรุงเทพฯ (5 ต.ค. 66) - บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) คว้าสองรางวัลใหญ่ระดับโลกด้านความยั่งยืน (ประเภทกลุ่มธุรกิจพลังงาน) จาก The European Global Business Awards 2023 ประเทศอังกฤษ ได้แก่ รางวัลผู้นำองค์กรด้านความยั่งยืนยอดเยี่ยม ให้กับนายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (Best Leadership in the Sustainable Energy Industry: Mr. Thanawat Trivisvavet – Thailand) และรางวัลองค์กรต้นแบบกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนยอดเยี่ยม (Best Sustainable Development Strategy, Energy Sector – Thailand)
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีเค พาวเวอร์ รู้สึก เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทาง
The
European นิตยสารธุรกิจชั้นนำของประเทศอังกฤษ
ได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานของกลุ่มซีเค
พาวเวอร์ คือ การเป็นองค์กรพลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เพื่อพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวด้านความยั่งยืน โดยได้นำเอาแนวคิดเรื่อง ESG (Environmental, Social and Governance) นี้ มาพัฒนาเป็นแผนการดำเนินงาน 5 ปี
สู่ความยั่งยืน (พ.ศ. 2565-2569) ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ ซี (C) เค (K) พี (P) โดยครอบคลุมมิติ
สิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน บรรษัทภิบาล และเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน ได้แก่ C: Clean Electricity การมุ่งมั่นในการผลิตไฟฟ้าสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
K: Kind Neighbor มุ่งมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชนตลอดจนดูแลสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน
และ P: Partnership for life คือ การบริหารงานอย่างเป็นธรรมพร้อมความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ
นายธนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับ ซีเค พาวเวอร์
ได้ขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเรามีทิศทางการดำเนินธุรกิจที่สะท้อนถึง ความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อมุ่งสร้างความสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจ
การรักษาสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม
และการกำกับกิจการที่ดี พร้อมกันนี้ยังได้ปลูกฝังให้พนักงานทุกคนมี DNA ของ การเป็นผู้นำองค์ความรู้
ความเชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียนในการร่วมสร้างสังคมคุณภาพที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ
SDGs เพื่อเพิ่มการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีส่งต่อไปยังชุมชนต่างๆ
ทั้งในประเทศ และ สปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้ง 2
รางวัลข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นของผู้บริหารและพนักงานทุกคนในการร่วมสร้างความยั่งยืนและความมั่นคงทางพลังงาน
เพื่อยกระดับการทำงานให้เกิดการเติบโตขององค์กรและสังคมต่อไป
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า “ซีเค พาวเวอร์ พร้อมสนับสนุนและร่วมส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
ด้วยการพัฒนาและติดตามดูแลโรงไฟฟ้าต่างๆ
ของเราให้มีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งมอบไฟฟ้าได้ตามต้องการ สอดคล้องกับแผน PDP หรือแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Thailand Power
Development Plan) ที่มุ่งสร้างเสถียรภาพทางพลังงาน
สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้าง Ecosystem ให้พร้อมรองรับการลงทุนใหม่ๆ
จากภายในประเทศและนานาชาติ และคำนึงถึงการผลิตและส่งมอบไฟฟ้าให้กับประชาชน
รวมถึง ภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
(Blackout)
ดังเช่นที่หลายประเทศประสบ”
ซีเค
พาวเวอร์ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนจากเดิม 93%
เป็น 95% หรือ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี
พ.ศ. 2567 โดยการลงทุนโครงการใหม่และกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดจะมาจากพลังงานหมุนเวียน
ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม ในปี พ.ศ. 2565 โรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดส่งให้ประเทศไทยได้
กว่า 9.5 ล้านเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh)
คิดเป็น 5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ
และคิดเป็นกว่า 18%
ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในประเทศทั้งหมด
นอกจากนี้
ยังได้ตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2566 จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 723,674
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) และล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน สามารถทำได้ที่ระดับ 354,851
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ บริษัทจะยังคงเดินหน้ารักษามาตรฐานการดำเนินงานนี้ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการลดการใช้พลังงาน
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรภายในองค์กร อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ตลอดจนเพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรจากเดิม 88% เป็น 92% ภายในสิ้นปีนี้
The European เป็นนิตยสารชั้นนำด้านธุรกิจจากประเทศอังกฤษ และให้ความสำคัญกับการเสนอองค์กรตัวอย่างที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างโดดเด่น
แม้จะมีความท้าทายมากขึ้นทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการดำเนินงานด้าน
ESG โดยได้มีการจัดการประกาศผลรางวัล The European
Global Business Awards อย่างต่อเนื่องสู่ปีที่ 9 ในปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น