นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ยังไม่นำลูกสุกรขุนชุดใหม่เข้าเลี้ยง โดยยังต้องฟื้นฟู ซ่อมแซม เพื่อเตรียมความพร้อมฟาร์ม ที่ได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งช่วงที่ผ่านมา มีผลผลิตสุกรเสียหาย เนื่องจากปัญหาโรค PRRS หรือ เพิร์ส โดยเฉพาะแม่พันธุ์ ทำให้ผลผลิตสุกรขุนลดลงในสัดส่วนเดียวกันที่ประมาณ 30-40 % นอกจากนี้ ในช่วงน้ำท่วม ยังเพิ่มความเสี่ยงการแพร่โรค PRRS กรณีที่มีหมูที่เป็นโรคดังกล่าวในพื้นที่ด้วย ขณะเดียวกัน ผู้เลี้ยงในสถานที่ใกล้เคียงที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จะมีปัญหาการเดินทางที่ไม่สะดวก ทำให้ไม่สามารถนำสุกรเข้าโรงฆ่าได้ จึงพากันนำสุกรเข้าสู่ตลาดก่อนกำหนด ส่งผลให้ราคาสุกรปรับลดลงค่อนข้างมาก
“ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เลี้
ยงครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดความเสี
ยหายทางเศรษฐกิจ เกษตรกรเกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะภาวะโรคในสุกร ประกอบกับน้ำท่วมฉับพลันที่เกิ
ดขึ้นช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรหลายรายพากันนำผลผลิตสุ
กรออกขายเพื่อหนีน้ำท่วม ทำให้ราคาตกต่ำลงอย่างมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคได้ชะลอการจับจ่ายใช้
สอย ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุ
กรได้รับผลกระทบจากความต้
องการที่ลดลงด้วย ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรที่มี
ปัจจัยสำคัญมาจากวัตถุดิ
บอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่
อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่
มีราคาค่อนข้างสูง มีราคาเกือบ 11 บาทต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับกากถั่วเหลืองที่
ขณะนี้มีราคา 21 บาทต่อกิโลกรัม ฟาร์มสุกรในภาคอีสาน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ได้ยกระดับการป้องกันโรคเพื่อป้
องกัน
ASF ด้วยระบบ Biosecurity ในฟาร์มอย่างเข้มงวด กลายเป็นต้นทุนแฝง ที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มสูงขึ้น 4-5 บาทต่อกิโลกรัม” นายสิทธิพันธ์ กล่าว
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวั
นออกเฉียงเหนือ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ผลผลิตสุกรขุนจึงมี
จำนวนน้อยลงกว่าภาวะปกติ โดยคาดว่าไทยจะมีการผลิตหมูขุ
นจำนวน 15 ล้านตัวต่อปี จากเดิมที่มีการผลิตอยู่ที่ 19-20 ล้านตัวต่อปี หรือลดลง 25 % แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านต้
นทุนที่ต้องแบกรับในช่วงหลายเดื
อนที่ผ่านมาได้ ซึ่งเป็นภาระหนี้สินภาคเกษตรที่
ส่งผลต่อหนี้สินภาคครัวเรือน จึงขอให้ผู้บริโภคเข้าใจ และภาครัฐเห็นใจ พร้อมช่วยดูแลเกษตรกร ปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกที่
แท้จริง เพื่อให้ราคาขยับตัวอย่างมั่
นคงเพื่อก้าวข้ามต้นทุน โดยผลเสียหายช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา จากราคาสุกรขุนต่ำกว่าต้นทุนทั้
งประเทศมีมูลค่ารวม 8
,000-10,000 ล้านบาท และมีราคาขายต่ำสุดที่ 56 บาทต่อกิโลกรัมช่วงต้นเดือนกันยายนที่ภาคตะวันตก
ทั้งนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติประเมินว่าจะต้องใช้เวลาอย่างช้าอาจใช้เวลา 2-3 ปี ในการที่จะเพิ่มสุกรพันธุ์เข้าเลี้ยงใหม่ เพื่อให้มีปริมาณเนื้อสุกรสมดุลกับความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมาตรการเปิดประเทศของรัฐบาล./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น