กล้องบันทึกวิดีโอทั้ง 4 รุ่น ยังเป็นกล้องกลุ่มแรกในตระกูล XA Series ที่รองรับการเชื่อมต่อ UVC ทำให้สามารถถ่ายสตรีมมิ่งคุ
ณภาพสูงได้อย่างง่ายดายเพียงใช้
สาย USB (Type-C) เพียงเส้นเดียว นอกจากนี้ใช้จอทัชสกรีนแบบ Electrostatic Capacitance-type LCD ขนาดใหญ่และสว่างคมชัดขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 2.76 ล้านจุด รวมถึงช่องมองภาพ EVF (Electronic View Finder) ปรับพลิกได้ขนาด 0.36 นิ้วความละเอียด 1.77 ล้านจุด ช่วยให้การมองภาพระหว่างการถ่
ายทำกลางแจ้งทำได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นซูมดิจิทั
ลที่เพิ่มระยะการซูมให้ไกลขึ้น และฟังก์ชั่น “Text Overlay” OSD (On-Screen Display) ที่ใช้ในการแสดงข้อมูลการถ่
ายทำต่างๆ เช่น วันที่ และพิกัดเวลาการถ่าย (Timecodes) บนภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นในการถ่ายคลิ
ปวิดีโอที่รองรับทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ แคนนอนยังประกาศเปิดตัวเลนส์ และอุปกรณ์เสริมเพื่อเสริมแกร่
งประสิทธิภาพการถ่ายทำวิดี
โอระดับมืออาชีพให้สมบูรณ์แบบยิ่
งขึ้น ได้แก่
- CN8 x 15 IAS S/E1 (EF Mount) และ CN8 x 15 IAS S/P1 (PL mount) เลนส์ใหม่ล่าสุดในตระกูล CINE-SERVO[5] ครอบคลุมการถ่ายวิดีโอ ทั้งการถ่ายมุมกว้าง (Wide) ไปจนถึงการถ่ายเทเลโฟโต้ (Telephoto) สามารถใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ อาทิ การถ่ายทำในสถานีโทรทัศน์ การถ่ายทำงานโฆษณา งานโปรดักชั่นไลฟ์สตูดิโอ และรวมถึงการถ่ายทอดสดงานกีฬาต่าง ๆ
เลนส์ EF Cinema รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงที่รองรั
บการใช้งานร่วมกับกล้องบันทึกวิ
ดีโอความละเอียดสูงระดับ 8K ที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ (Large-format) ให้มุมกว้างสุดที่ 15 มม. และซูมออพติคอลได้ 8 เท่า นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์เพิ่
มความยาวโฟกัสในตัว (Built-in extender) อีก 1.5 เท่า นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่
นๆ มากมายที่เป็นที่ทำให้เลนส์
ในตระกูล CINE-SERVO นิยมในหมู่ผู้ใช้งาน และยังตอบโจทย์ของผู้ที่ต้
องการใช้งานภาพมุมกว้างอีกด้วย นอกจากให้รายละเอียดของภาพที่
คมชัดเมื่อใช้งานร่วมกับกล้
องเซ็นเซอร์ Large-format แล้ว ตัวเลนส์ยังมีขนาดกะทัดรัดและน้ำ
หนักเบา เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับกล้
องวิดีโอแบบพาดบ่าได้อย่างลงตัว รวมถึงมี Removable Drive Unit อีกด้วย และนอกจากจะเป็นเลนส์มุมกว้
างแล้ว ยังให้ภาพคุณภาพสูงระดั
บภาพยนตร์ และรองรับงานวิดีโอโปรดักชั่
นแบบถ่ายทอดสด (Broadcast-style) เหมาะสำหรับการใช้งานในทุ
กสถานการณ์ ทั้งการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ งานภาพยนตร์โฆษณา การถ่ายทอดสดจากในสตูดิโอ การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา และอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นเลนส์
อเนกประสงค์ก็ว่าได้
เลนส์ CN8 x 15 IAS S/E1 และ CN8 x 15 IAS S/P1 สามารถใช้งานร่วมกับกล้องที่ใช้
เซ็นเซอร์ขนาด Large-format (เทียบเท่า Super 35 มม.) มีความยาวโฟกัสที่ 15-120 มม. แบบออพติตอลคุณภาพสูง เลนส์รุ่นนี้มาพร้อมประสิทธิ
ภาพที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับรุ่
นก่อนหน้า[6] ทั้งยังปรับปรุงให้มีขนาดกะทั
ดรัด และน้ำหนักเบาขึ้น เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และง่ายต่อการทำงานร่วมกับกล้
องแบบพาดบ่า
เมื่อใช้งาน Built-in extender 1.5x เลนส์ CN8 x 15 IAS S/E1 และ CN8 x 15 IAS S/P1 จะสลับมาเป็นช่วงความยาวโฟกัส 22.5-180 มม. และด้วย Image Circle ที่กว้างกว่าทำให้สามารถใช้
เลนส์รุ่นนี้กับกล้องเซ็นเซอร์
ฟูลเฟรม 35 มม. อาทิ กล้องถ่ายภาพยนตร์แคนนอน EOS C500 Mark II รวมถึง EOS R5 C[7] และด้วยความสามารถในการรองรั
บการใช้งานร่วมกับกล้องเซ็
นเซอร์ Large-format ได้อย่างครอบคลุม จึงตอบโจทย์งานโปรดักชั่นที่ต้
องการโทนภาพแบบภาพยนตร์ ซึ่งเป็นการถ่ายภาพด้วยระยะชั
ดตื้น (shallow depth-of-field)
นอกจากรองรั
บมาตรฐานโปรโตคอลการสื่อสารแบบ 12-pin serial ที่ใช้ในระบบกล้องถ่ายทอดสด เลนส์ชุดนี้ยังรองรับฟังก์ชั
นการส่งสัญญาณผ่านเมาท์ของตั
วเลนส์ได้ด้วย โดยเลนส์รุ่น CN8 x 15 IAS S/E1 รองรับการสื่อสารบน EF Mount[8] ในขณะที่รุ่น CN8 x 15 IAS S/P1 รองรับโปรโตคอล /i Technology ที่พัฒนาโดย Cooke Optics รวมถึงเทคโนโลยี eXtended Data ของ ZEISS ด้วยความสามารถในการสื่อสารข้
อมูลของชุดเลนส์ไปยังตัวกล้องผ่
านทางเมาต์ของเลนส์ได้ในระกว่
างการบันทึก ทำให้เลนส์รุ่นนี้เปี่ยมประสิ
ทธิภาพการทำงาน ไม่เพียงในระหว่างการบันทึก แต่ยังช่วยในขั้นตอนการทำเทคนิ
คพิเศษ (VFX[9]) และการตัดต่อหลังการถ่ายทำ โดยเลนส์ CN8 x 15 IAS S/E1และ CN8 x 15 IAS S/P1 กำหนดวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2023 เป็นต้นไป
- DP-V2730 27-inch Reference Display
จอแสดงผลสำหรับอ้างอิงขนาด 27 นิ้วรุ่นใหม่นี้ มาเสริมไลน์อัพผลิตภัณฑ์กลุ่มวิ
ดีโอโปรดักชั่น เพื่องาน broadcast relay vehicles, sub-control rooms และการถ่ายทำภาพยนตร์หรื
อรายการทีวีนอกสถานที่ โดยปรับปรุงคุณภาพภาพพื้นฐานให้
ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า[10] รวมถึงส่วนประกอบสำคัญอื่น ๆ อาทิ หน่วยแสดงผลภาพคุณภาพสูง อัลกอริธึมความละเอียดสูงรุ่
นปรับปรุงใหม่ พาแนล และระบบแบล็กไลต์ มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องกะทัดรั
ดน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการตรวจเช็คงานหลั
งถ่ายและตัดต่อไฟล์งานระดับ 4K ซึ่งไม่เฉพาะงานผลิตวิดีโอแบบดั้
งเดิมเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับการใช้
งานจากระยะไกล เนื่องจากพื้นที่ที่มีจำกัด เช่นการถ่ายทำในสำนักงาน หรือที่พักอาศัยส่วนตัว จอแสดงผลสำหรับอ้างอิงรุ่น DP-V2730 ยังตอบโจทย์มาตรฐาน HDR[11] และให้ภาพคุณภาพสูง มอบคุณภาพระดับเดียวกับรุ่
นยอดนิยมอย่าง DP-V1830 ขนาด 18 นิ้ว (วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพั
นธ์ 2565) โดยรองรับการทำงานได้หลากหลายรู
ปแบบ และหลายเวิร์คโฟลว์ ทั้งในอุตสาหกรรมการถ่
ายทอดสดและงานผลิตวิดีโอ
DP-V2730 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสู
งเอกสิทธิ์ของแคนนอน สามารถเร่งความสว่างได้สูงถึง 1,000 cd/m2 สำหรับความสว่างของสีขาว รวมถึงปรับปรุงการแสดงผลในส่
วนสีดำและคอนทราสต์ เพื่อให้สามารถใช้
ในการตรวจสอบภาพในส่วนมื
ดของภาพหรือในส่วนที่มี
คอนทราสต์สูง (High-contrast) นอกจากนี้ จอแสดงผลรุ่นนี้ยังให้ขอบเขตสี
กว้าง(wide color gamut) ตามค่าแนะนำตามมาตรฐาน ITU-R BT.2020[12] และรูปแบบการตั้งค่าออพติ
คอลเอกสิทธิ์ของแคนนอนยังช่
วยลดค่าความแปรผันของความสว่
างและสี ประกอบกับองศาการแสดงภาพยังกว้
างพอสำหรับให้ผู้ใช้งานสามารถดู
จอแสดงผลพร้อมกันได้หลายคนโดยที่
ภาพไม่ผิดเพี้ยน
เมื่อเทียบกับจอแสดงผลรุ่น DP-V2421 ขนาด 24 นิ้ว จอรุ่น DP-V2730 ขนาด 27 นิ้วมีขนาดจอใหญ่กว่าถึง 1.3 เท่า ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนกว่า ทั้งมีดีไซน์เพรียวบาง[13] โดยมีความกว้างลดลงราว 41 มม. ทำให้ใช้งานในที่แคบได้
สะดวกมากขึ้น อาทิ การถ่ายทอดสดในยานพาหนะหรือในห้
องควบคุมการถ่ายทำย่อย (sub-control rooms) นอกจากนี้ ด้วยหน้าจอขนาดเล็กกว่าเมื่
อเปรียบเทียบกับรุ่น 30-32 นิ้ว ที่ใช้ในการเกรดสีวิดีโอ ทำให้จอแสดงผลรุ่น DP-V2730 เหมาะกับงานผลิตวิดีโอและการตั
ดต่อได้หลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในสำนักงานหรือพื้
นที่พักอาศัยส่วนตัวซึ่งมีพื้
นที่จำกัด
จอแสดงผลรุ่นใหม่นี้ยังติดตั้
งฟังก์ชันยอดนิยมอย่าง HDR Monitoring Assist เช่นเดียวกับรุ่นก่อน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจวิดี
โออินพุตและข้อมูลสัญญาณทั้
งหมดได้อย่างง่ายดายในจอเดียว สามารถเห็นข้อมูลสำคัญ ตรวจทานและตัดต่องานวิดีโอได้
ละเอียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ด้วยฟังก์ชันการแสดงผลแบบมัลติ
สกรีน (Multi-Screen Display)[14] ผ่านการต่อพอร์ตวิดีโออินพุต SDI/HDMI และฟังก์ชั่น Switchout[15] จึงช่วยลดจำนวนอุปกรณ์และเพิ่
มพื้นที่การถ่ายทำวิดีโอให้มี
มากขึ้น โดยจอแสดงผลสำหรับอ้างอิงรุ่น DP-V2730 มีกำหนดวางจำหน่ายปลายเดือนกุ
มภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
- EU-V3 Expansion Unit อุปกรณ์เสริมสำหรับกล้องภาพยนตร์ เพิ่มการใช้งานไลฟ์วิดีโอถ่ายทอดสดเหตุการณ์ต่างๆ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีกระแสความนิยมการถ่ายภาพชัดตื้
นและการเบลอพื้นหลังให้สวยเนี
ยนตาในการบันทึ
กภาพบรรยากาศงานคอนเสิร์
ตและรวมถึงการถ่ายทอดสดงานอี
เวนต์ต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้
องการและแทรนด์ที่กำลังมาแรงนี้ แคนนอนขอแนะนำ EU-V3 Expansion unit อุปกรณ์เสริมภายนอกที่จะทำให้
กล้องแคนนอน EOS C500 Mark II และ EOS C300 Mark III สามารถใช้ถ่ายทอดสดงานวิดี
โอในอีเวนต์ต่างๆ เสริมความสามารถ และช่วยผลักดันประสิทธิ
ภาพการใช้งานกล้องทั้งสองรุ่น ที่โดดเด่นเรื่องคุ
ณภาพจากการใช้เซ็นเซอร์แบบ Large-format ที่สามารถถ่ายทอดงานวิดีโอคุ
ณภาพสูง เก็บครบทุกรายละเอียด และสวยงามน่าประทับใจ
เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ EU-V3 เข้ากับกล้อง EOS C500 Mark II หรือ EOS C300 Mark III จะเป็นการเพิ่มช่องต่อสายอินพุ
ต/เอาต์พุตที่จำเป็นสำหรับงานวิ
ดีโอถ่ายทอดสด พร้อมฟีเจอร์พิเศษอื่นเพื่
องานถ่ายทอดสด รวมถึงฟังก์ชั่น “Tally” ที่ช่วยระบุว่ากล้องตัวไหนกำลั
งจับภาพอยู่ และฟังก์ชั่น “Return” ที่แจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่ากล้
องตัวไหนกำลังปล่อยสัญญาณถ่
ายทอดสดอยู่ นอกจากนี้ อุปกรณ์ยังรองรับฟังก์ชั่น “Focus Position Guide” ที่ช่วยให้ผู้ใช้
งานสามารถกำหนดจุดโฟกัสที่ต้
องการและแสดงจุดโฟกัสปัจจุบั
นบนจอแสดงผล ทำให้สามมรถจับโฟกัสในจุดที่ต้
องการได้อย่างรวดเร็วในขณะบันทึ
กวิดีโอ
ในการใช้งานอุปกรณ์ Expansion Unit EU-V3 ร่วมกับกล้อง EOS C500 Mark II หรือ EOS C300 Mark III จำเป็นต้องติดตั้งเฟิร์มแวร์ก่
อน ซึ่งแคนนอนจะปล่อยใช้งานฟรีในช่
วงกลางเดือนตุลาคม 2565 นี้ เมื่อติดตั้งเฟิร์มแวร์แล้ว กล้องจะรองรับทั้งการเชื่อมต่อ IP[16], XC Protocol ของแคนนอน ทำให้สามารถควบคุมกล้องผ่านเน็
ตเวิร์คได้ นอกจากนี้ จะมีเฟิร์มแวร์ใหม่นี้จะทำให้
กล้องรองรรับการใช้งานร่วมกั
บเลนส์ภาพยนตร์เมาท์ EF รุ่น CN8 x 15 IAS S/E1 และ CN8 x 15 IAS S/P1 EF รวมถึงสามรถแสดงค่าพารามิเตอร์
เสียงได้ 4 ชาแนลและฟังก์ชั่นอื่น ๆ โดยอุปกรณ์ Expansion Unit EU -V3 มีกำหนดวางจำหน่ายประมาณเดื
อนมกราคม 2566 เป็นต้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น