หมดกังวลกับโรคอกบุ๋ม โดย ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทาง ด้านโรคปอด โรงพยาบาลวชิรพยาบาล - Today Updatenews

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566

หมดกังวลกับโรคอกบุ๋ม โดย ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทาง ด้านโรคปอด โรงพยาบาลวชิรพยาบาล



  โรคอกบุ๋ม หรือเรียกว่า Pectus Excavatum (Funnel chest) เป็นความผิดรูปของผนังทรวงอกที่พบบ่อย ในคนทั่วไป ส่งผลทำให้บุคลิกภาพหรือความมั่นใจเสียไป โดยความผิดปกตินี้อาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น โดยโรคนี้เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของกระดูกอ่อนที่เชื่อมกับกระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครง ส่งผลทำให้หน้าอกเกิดการยุบตัว โดยผู้ป่วยมักไม่มีอาการ แต่ในกรณีที่ภาวะนี้มีความผิดปกติอย่างรุนแรง อาจส่งผลทำให้มีอาการกดเบียดหัวใจและปอดได้ ในบางรายอาจมีการกดเบียดลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจรั่วและมีอาการเหนื่อยง่าย บางรายอาจมีภาวะร่วมอย่างอื่นได้เช่นกระดูกสันหลังคด หรือภาวะจากยีนผิดปกติ เช่น Marfan syndrome ได้


ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย จากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวว่า
โรคนี้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบอัตราส่วนการเจ็บป่วย 1 ต่อ 1,000 คนและมักเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง 3-4 เท่าและอาจเจอกระดูกสันหลังคดร่วมด้วย วิธีการวินิจฉัยมักทำได้โดยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT chest) เพื่อดูสัดส่วนความกว้างยางของบริเวณทรวงอก หรือ ที่เรียกว่า Haller index  ถ้ามีอัตราส่วนมากกว่า 2.5 ถือว่ามีความผิดปกติ



ปัจจุบันวิธีการรักษาโรคนี้ รักษาได้ทั้งผ่าตัด และ ไม่ผ่าตัดการรักษาโดยไม่ผ่าตัดนั้น สามารถใช้อุปกรณ์ดูดผนังทรวงอก หรือ เรียกว่า Vacuum bell  ซึ่งมักนิยมใช้ในผู้ป่วยที่ภาวะอกบุ๋ม แบบไม่รุนแรง กลไกการรักษาโดยวิธีจะใช้ เครื่องมือตัวนี้ทำหน้าที่ดูดบริเวณที่หน้าออกยุบขึ้นมา โดยจะค่อยช่วยอย่างช้า ๆ ซึ่งจะใช้เวลาอย่างต่ำ ถึง ปี ในการที่จะเห็นผล มักทำในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 10 ขวบและภาวะอกบุ๋มไม่รุนแรง (โดยความลึกไม่มากกว่า 1.5 เซนติเมตร)
โดยวิธีการคือการผ่าตัดนั้น มักจะใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอกบุ๋มแบบรุนแรง โดยจะมีวิธีการผ่าตัดหลัก วิธี คือ วิธีการผ่าตัดแบบเปิด หรือ เรียกว่า Ravitch procedure หรือ อีกวิธีที่เรียกว่า Sternal turnover  โดยทั้งนี้ เปิดการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยการตัดกระดูกบริเวณหน้าอกแล้วพลิกกลับหรือตัดบริเวณกระดูกอ่อนแล้วดันขึ้นมา


ส่วนอีกวิธีคือ การผ่าตัดส่องกล้อง หรือที่เรียกว่า Nuss procedure เป็นการผ่าตัดส่องกล้องโดยใช้แท่งโลหะผ่านบริเวณใต้กระดูกหน้าอกแล้วดัดกระดูก โดยไม่ได้มีการตัดกระดูก โดยจะใช้เวลาดัดประมาณ 3-4 ปี หลังจากนั้นจะเอาเหล็กออก ซึ่งจะสามารถลดภาวะแทรกซ้อน และ ฟื้นตัวได้ไหวกว่าการผ่าตัดแบบเปิดอย่างเห็นได้ชัด

ภายหลังการดูแลหลังจากการผ่าตัด จะต้องสังเกตอาการ ควบคุมอาการปวดโดยยาหลายแขนง สามารถกินข้าวได้ตามปกติหลังผ่าตัด โดยแพทย์จะเฝ้าติดตามโดยการทำเอ็กซเรย์ และผู้ป่วยกลับบ้านได้ภายใน 5-7 วันและเมื่อกลับบ้านแล้ว ผู้ป่วยจะต้องลดการยกของหนัก หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่ใช้การปะทะ เช่น ฟุตบอล  บาสเก็ตบอล สามารถเริ่มเล่นกีฬาฯ เบา ๆ เช่น วิ่งหรือว่ายน้ำ หลังผ่าตัด 6 เดือน ส่วนขั้นตอนการนำเหล็กออกจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยด้วย   ผู้ป่วยท่านใดที่สนใจสามารถเข้าไปสอบถามเพิ่มเติมผ่านเพจเฟซบุ๊กผ่าตัดปอดหรือ Lineid:@lungsurgeryth 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad