สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ถือเป็นโอกาสทางการตลาดขนาดใหญ่ ในประเทศของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME แต่ที่ผ่านมามีเอสเอ็มอีเข้าถึ งระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ ไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ สสว. จึงได้จัดเตรียมระบบทะเบี ยนเอสเอ็มอี เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ THAI-SME GP เพื่อให้เอสเอ็มอีได้เข้ ามาลงทะเบียนกิจการและสินค้าหรื อบริการที่มีคุ ณภาพและมาตรฐานมากกว่า 1,000,000 รายการ ซึ่งถือเป็นแหล่งสินค้าและบริ การขนาดใหญ่ที่หน่วยงานภาครั ฐจะได้ร่วมกันสนับสนุน อันจะเป็นฟันเฟืองหนุนการขั บเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน SME – GP Day ในวันนี้ ได้ตั้งเป้าที่จะช่วยแก้ไขข้ อจำกัด อุปสรรคต่าง ๆ ของเอสเอ็มอีผ่านการเชื่อมโยงคู่ ค้าและพันธมิตร จึงขอเชิญชวนท่านผู้แทนส่ วนราชการต่าง ๆ เข้าร่วมงาน เพื่อจะได้ทราบว่าแผนงานการจั ดซื้อจัดจ้างที่กำหนดไว้นั้น จะมีผู้ประกอบการรายใดบ้างที่ มาร่วมจัดแสดงสินค้าและบริการ มีคุณสมบัติสอดคล้องกั บแนวทางของท่าน เพื่อร่วมกันผลักดันการเชื่ อมโยงคู่ค้าและพันธมิตรและก่ อให้เกิดมูลค่าเชิงพาณิชย์ได้ จริง ตามคำขวัญ THAI SME–GP ที่ว่า“รัฐพร้อมซื้อ SME พร้อมขาย”
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิ สาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนับเป็ นช่องทางการตลาดขนาดใหญ่ที่มีมู ลค่ามากถึง 1.17 ล้านล้านบาทต่อปี ผลการดำเนินมาตรการสนับสนุนให้ เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจั ดจ้างภาครัฐ ในปีงบประมาณ 2565 พบว่าหน่วยงานของรัฐสามารถจัดซื้ อจัดจ้างจากผู้ประกอบการเอสเออ็ มอี ได้รวม 481,831 ล้านบาท จากเงินที่จัดซื้อจัดจ้างรวม 1,167,798 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.26 โดยปัจจุบันมี SMEs ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP แล้ว 152,331 ราย เป็นสินค้าและบริการรวม 1,127,533 รายการ
นอกจากนี้ ในปี 2565 สสว. ได้ยกระดับผู้ประกอบการเพื่ อเตรียมความพร้อมในการเป็นคู่ค้ ากับหน่วยงานของรัฐ โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการทั่ วไปให้มีการกระจายในระดับพื้นที่ จำนวน 1,500 ราย และกลุ่มอุตสาหกรรมมุ่งเป้า สำหรับสินค้าและบริการที่มี ความยากในการผลิตและต้องใช้ เทคโนโลยีนวัตกรรมสูง เพื่อลดการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ จากต่างประเทศ ซึ่งได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ และกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล”
นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานร่วมดำเนิ นงานในครั้งนี้ ได้ออกแบบงานให้เกิดประโยชน์ มากที่สุดต่อ SME โดยจัดกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้ าร่วมออกเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ก่อสร้างและเครื่องมือช่ าง เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย สินค้าและบริการด้านการแพทย์ สินค้าและบริการด้านดิจิทัล และสินค้าที่ขึ้นทะเบียน Made in Thailand
“นอกจากโอกาสทางการค้าและได้จั บจ่ายซื้อของภายในงานแล้ว ยังมีบริการต่างๆ จาก สสว. เพื่อให้บริการผู้ประกอบการตลอด 3 วัน อาทิ การบริการขึ้นทะเบียน THAI SME-GP และ SME ONE ID การบริการสนับสนุนค่าใช้จ่ายพั ฒนาธุรกิจภายใต้โครงการ BDS (SME ปังตังได้คืน) การให้คำปรึกษาด้านกฎหมายธุรกิจ และการพัฒนาธุรกิจแบบครบวงจร นอกจากนี้ ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปยั งจะได้รับความรู้และความบันเทิ งตลอด 3 วันไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสถานการณ์ SME การอัปเดตเทรนด์การตลาดปี 2567 การบริหารต้นทุนในกิจกรรมสำหรับ SME การวางฮวงจุ้ยอย่างไร ให้ออฟฟิสปัง” นายอภิชิต กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น