ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารฯ” หรือ “ธนาคารไทยเครดิต”) หรือ “CREDIT” หุ้น IPO ที่เป็นธนาคารพาณิชย์ในรอบ 10 ปี พร้อมเดินหน้าเข้าซื้อขายวั
โดยเงินระดมทุนที่ได้รั บจากการออกและเสนอขายหุ้นสามั ญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้ งแรกภายหลังหักค่าใช้จ่ ายในการเสนอขายหลักทรัพย์และค่ าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีจำนวนโดยประมาณ 1,790 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงิ นกองทุนของธนาคารฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรั บการขยายพอร์ตสินเชื่อประมาณ 895 ล้านบาท และปรับปรุงและพั ฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้ านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ (IT Security and Infrastructure) ประมาณ 895 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารไทยเครดิต เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้ นการปล่อยสินเชื่ อไมโครและนาโนไฟแนนซ์ (Micro and Nano Finance) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็ มอี (Micro SME) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ าในประเทศไทยที่ยังไม่สามารถเข้ าถึงบริการทางการเงินในระบบได้ เท่าที่ควร ธนาคารฯ จึงยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพั นธกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิ จบนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยื น โดยให้บริการทางการเงินที่ดีที่ สุด เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติ บโตทางธุรกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยบริ การไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลั กษณ์ของธนาคารฯ
และเพื่อเป็นการตอกย้ำวิสัยทั ศน์ดังกล่าว ธนาคารฯ ได้พัฒนาแนวทางการปฏิบัติงาน โดยนำแนวทางจาก International Finance Corporation (IFC) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้ านการให้บริการสินเชื่อเพื่ อความยั่งยืน รวมทั้งได้เข้าร่วมกั บสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรั พย์และตลาดหลักทรัพย์ และคณะทำงาน Thailand Taxonomy ในความร่วมมือของโครงการกติ กาใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน ซึ่งกำหนดมาตรฐานกลางที่ใช้อ้ างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มกิ จกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่ อสิ่งแวดล้อม
นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริ หาร กล่าวเสริมอีกว่า “การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรั พย์ฯ ของธนาคารไทยเครดิตในครั้งนี้ จึงไม่เพียงสนับสนุนการเติ บโตของธนาคารฯ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่วางไว้ เท่านั้น แต่เป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยได้ เป็นเจ้าของธนาคารพาณิชย์ที่ยึ ดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลั กปรัชญา “Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ” และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสั งคมที่ดีขึ้นไปด้วยกัน”
ทั้งนี้ ธนาคารฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติ บโตในระดับ 20%-30% ต่อปี สอดรับกับทิศทางการเติบโตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ มีอัตราเติบโตของพอร์ตสินเชื่ อโดยเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 33.0% ต่อปี (2563-2565) โดยมีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ ของธนาคารฯ ณ งวด 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 138,435 ล้านบาท
อีกทั้ง ยังเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีส่ วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงสุดในอุตสาหกรรม โดยในงวด 9 เดือน ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 8.2% อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) ในระดับสูงอยู่ที่ 21.8% สะท้อนการเติบโตอย่างมั่ นคงในฐานะธนาคารพาณิชย์ภายใต้ การกำกับดูแลของธนาคารแห่ งประเทศไทย แต่มีการเติบโตแข็งแกร่ งและรวดเร็ว ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่มี ประสิทธิภาพ จึงมั่นใจว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรั พย์ฯ ครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ธนาคารไทยเครดิตมี การเติบโตอย่างมั่นคงและแข็ งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
*การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” และโปรดอ่านหนังสือชี้ชวน หรือข้อมูลที่มีสาระตรงตามข้อมู ลสรุปสาระสำคัญของหลักทรัพย์ (Executive Summary) อย่างรอบคอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น