กรุงเทพฯ, 14 พฤษภาคม 2568 – ลาลามูฟ (Lalamove) แพลตฟอร์มจัดส่งสินค้าแบบออนดีมานด์ เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสตามมาตรฐานสากล พร้อมเดินหน้ายกระดับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นครั้งแรกที่รายงานดังกล่าวอ้างอิงมาตรฐาน IFRS S2 ของคณะกรรมการมาตรฐานความยั่งยืนสากล (ISSB) ในการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ
นายบิล หลี่ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรของลาลามูฟ กล่าวว่า “เรายึดมั่นในการส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่ที่เราเข้าไปดำเนินงานมาโดยตลอด และในครั้งนี้ เราภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในการผสานองค์ประกอบของมาตรฐาน IFRS S2 ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของเราโดยสมัครใจ ก้าวสำคัญนี้ไม่ได้เป็นแค่เครื่องชี้ถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความยืดหยุ่น เสริมสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า พันธมิตร รวมถึงชุมชนที่เราดูแล เรายินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ยานยนต์พลังงานใหม่ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคของยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เราจะยังคงมุ่งดำเนินงานตามคำมั่นสัญญาที่จะส่งเสริมอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย และยั่งยืนสำหรับทุกคน”
ลาลามูฟให้ความสำคัญกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในปีที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับหน่วยงานนานาชาติหลายแห่ง รวมถึงการเข้าร่วมการประชุม COP29 และการแลกเปลี่ยนความรู้กับศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพื่อยกระดับกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว
ผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV)
หนึ่งในเสาหลักของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของลาลามูฟคือการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) โดยในจีนแผ่นดินใหญ่ ลาลามูฟได้ร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ พร้อมมอบทางเลือกยานยนต์พลังงานใหม่กว่า 40 รุ่นให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับ ช่วยให้พาร์ทเนอร์สามารถเลือกยานพาหนะที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานได้ตามความต้องการ และเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้อย่างรอบด้าน ลาลามูฟยังได้ร่วมมือในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จรถ NEV และติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ (EV Chargers) มากขึ้นในปี 2567 จากความร่วมมือดังกล่าว ลาลามูฟในจีนแผ่นดินใหญ่มีสัดส่วนคำสั่งซื้อที่ดำเนินการด้วยรถตู้ NEV ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเป็น 60% ซึ่งมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมตลอดห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับประเทศไทย ลาลามูฟยังเล็งเห็นศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐาน EV ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันประเทศไทยมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมมากกว่า 150,000 คัน โดยมีมากที่สุดในกรุงเทพฯ รองลงมาที่
จ.เชียงใหม่ และจ.ชลบุรี ตามลำดับ พร้อมมีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมแล้วมากกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ สอดคล้องไปกับแนวโน้มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ควบคู่กับมาตรการสนับสนุนการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะแบบเร็ว (Fast Charge) ให้ได้ระหว่าง 2,200–4,400 เครื่องภายในปี 2568 ครอบคลุมพื้นที่ในเขตเมืองหลัก แหล่งท่องเที่ยว จุดพักรถ และพื้นที่ชุมชน เพื่อรองรับเป้าหมายสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในปี 2573
ยกระดับความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของพาร์ทเนอร์คนขับ
ลาลามูฟยังคงยึดมั่นในความปลอดภัยของพาร์ทเนอร์คนขับ โดยใช้เทคโนโลยี AI และข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์ความเสี่ยง เพื่อพัฒนากระบวนการและแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยลาลามูฟสามารถรักษาอัตราการให้บริการที่ปราศจากอุบัติเหตุร้ายแรงได้ถึง 99.9% ครอบคลุมทุกตลาดติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี
ลาลามูฟเชื่อว่าความยั่งยืนที่แท้จริงต้องเริ่มต้นจากการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม โดยจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน และสนับสนุนพันธมิตรในการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน พร้อมส่งเสริมสวัสดิการ การพัฒนาทักษะ และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับลาลามูฟ ประเทศไทย ได้มีการจัดโครงการเพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ
โครงการ ‘Ride for Chance, Ride for Change’ ร่วมกับ บ้านปู เน็กซ์ ส่งเสริมแรงงานผู้พิการเข้าสู่ระบบขนส่งลาลามูฟ สนับสนุนยานพาหนะในการขนส่ง พร้อมจัดจัดการฝึกอบรมทักษะให้ผู้พิการอย่างรอบด้าน
โครงการ Lala Mother’s Driver Day สนับสนุนการตรวจสุขภาพครอบคลุม 14 รายการ ให้แก่เหล่าคุณแม่พาร์ทเนอร์คนขับ ในช่วงวันแม่แห่งชาติ
นำร่องความร่วมมือ ร่วมกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ มอบสิทธิ์ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าในราคาพิเศษให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับ
โครงการ “Move Forward Together เติบโตเคียงคู่ไปด้วยกันกับลาลามูฟและฮอนด้า” อบรมการขับขี่ปลอดภัยให้กับพาร์ทเนอร์คนขับจักรยานยนต์ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
โครงการ Lalamove Move It Forward มอบทุนการศึกษาแก่บุตรของพาร์ทเนอร์คนขับลาลามูฟ อายุระหว่าง 2-12 ปี เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวลาลามูฟ
ลาลามูฟเชื่อว่าความสำเร็จอย่างยั่งยืนต้องมาจากการเติบโตของธุรกิจควบคู่กับผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม จึงมุ่งมั่นยกระดับความปลอดภัยของพาร์ทเนอร์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และหล่อหลอมวัฒนธรรมแห่งการดูแลเอาใจใส่และการเสริมพลังอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น