กรุงเทพฯ – 27 กุมภาพันธ์ 2563 – วิกฤตมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาไหม้ ควันรถยนต์ และการก่อสร้างต่างๆ สร้างความกังวลให้กับคนเมืองเป็ นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่ านมา สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ ยงอาจมีอาการตอบสนองทางร่างกาย เช่น หายใจไม่สะดวก ไอ เจ็บคอ แสบและคันตา มีผื่นแพ้บริเวณผิวหนัง และหากสะสมเป็นระยะเวลานานอาจก่ อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย มลภาวะเหล่านี้เมื่ออยู่บนบนท้ องถนนหรือนอกตั วอาคารเราสามารถป้องกันเบื้องต้ นได้ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ภายในที่อยู่อาศัยเราไม่ สามารถใส่หน้ากากอนามัยไว้ได้ ตลอดเวลา นอกเหนือจากการเปิดเครื่ องฟอกอากาศแล้ว ยากที่จะควบคุมสภาพอากาศภายในบ้ านให้ปลอดภัย และอาจกลายเป็นภัยเงียบที่ส่ งผลต่อสุขภาพได้ในที่สุด
ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สามารถพบได้ทั้ งภายนอกและภายในตัวอาคาร เป็นฝุ่นมลภาวะที่มองไม่เห็นได้ ด้วยตาเปล่า หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการอยู่ ในบ้านจะทำให้ปลอดภัยจากฝุ่ นประเภทนี้ แต่จากข้อมูลขององค์การอนามั ยโลกพบว่ามีผู้คนทั่วโลกที่เสี ยชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิ ษทางอากาศภายในบ้านมากถึง 3.8 ล้านคนต่อปี จากโรคหัวใจล้มเหลว โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด เป็นต้น ซึ่งผู้หญิงและเด็กมีความเสี่ ยงมากที่สุด สาเหตุหลักคือกิจกรรมที่ เราทำภายในบ้าน เช่น การทำอาหาร[1] การใช้วัสดุตกแต่งบ้านที่ไม่ได้ มาตรฐาน ฝุ่นต่างๆ ที่หลงเหลือจากการก่อสร้าง เป็นต้น ประกอบกับการที่เราใช้เวลาอยู่ ในบ้านมากกว่าที่อื่นๆ ทำให้เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ ยงมลพิษทางอากาศเหล่านี้ และมองข้ามไปโดยไม่รู้ตัว
การเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ทุกมิติ ของการใช้ชีวิต
เราไม่สามารถควบคุ มสภาพอากาศและมลภาวะในเมืองที่ เราอยู่อาศัยได้ แต่เราสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่ สุดให้กับบ้านของเราได้ การเลือกบ้านที่ให้ความสำคัญตั้ งแต่ขั้นตอนการออกแบบ มีเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทั นสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ โมเดิร์นของคนเมือง แต่ยังคำนึงถึงสถานการณ์ฝุ่ นในปัจจุบัน จึงเป็นทางเลือกที่ควรมองหา
เทคโนโลยีการสร้างบ้านที่ดีกว่ าอย่าง prestressed concrete หรือคอนกรีตอัดแรง เป็นเทคนิคที่ช่วยลดมลภาวะฝุ่ นขณะก่อสร้าง ซึ่งได้เริ่มมีการนำมาใช้ ในการสร้างบ้ านในประเทศไทยโดยโครงการของ เนอวานา ไดอิ ด้วยวิธีการหล่อคอนกรีตในแม่พิ มพ์ขนาดใหญ่ตามรูปแบบชิ้นงานที่ ต้องการเพื่อการควบคุมคุ ณภาพการก่อสร้าง ทำให้โครงสร้างบ้านมีความแข็ งแรงทนทาน บ้านเนี้ยบด้วยผนังที่เรียบเนี ยน มีเหลี่ยมมุมคมชัด ทาสีหรือติดวอลเปเปอร์ได้เรี ยบร้อยขึ้น ส่งมอบบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ได้ทั นตามกำหนด และที่สำคัญคือลดมลภาวะจากฝุ่ นและเสียงขณะก่อสร้าง ขณะเดียวกันสำหรับการอยู่อาศัย เนอวานา ไดอิ ยังได้ติดตั้งระบบ Air Control System เพื่อปรับความสมดุ ลของสภาพอากาศภายในบ้าน ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและภูมิแพ้ ทำให้มีการถ่ายเทอากาศดีขึ้น ให้ผู้อยู่อาศัยได้มั่นใจถึ งสภาพอากาศภายในบ้านที่เป็นอั นหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติได้ อย่างสมบูรณ์แบบ
“บ้าน” ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย
โครงการของ เนอวานา ไดอิ สร้างสรรค์ด้วยแนวคิด Living Revolution ที่เน้นให้ “บ้าน” เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย โดยมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ การออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยื นและฟังก์ชันสิ่ งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ก้าวข้ามข้อจำกัดงานสถาปั ตยกรรมการออกแบบแบบเดิมๆ ประกอบกับความเชี่ยวชาญ ความรู้ในเทคโนโลยีชั้นสูง นวัตกรรม และการควบคุมคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่ นทำให้บ้านมีรูปลักษณ์ที่ สวยงามโปร่งโล่งตามแบบโมเดิร์น ไม่ถูกจำกัดด้วยโครงสร้ างเสาและคานภายใน เพิ่มประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่ ให้มากขึ้น เหล่านี้สะท้อนให้เห็นในทุกๆ มิติของบ้าน ตั้งแต่การตกแต่งที่ดึงประโยชน์ จากธรรมชาติ อย่าง แสง ลม มีรูปทรงบ้านทั้งแบบ L Shape และ C Shape มีการจัดวางตำแหน่งพื้นที่ใช้ สอยให้สอดรับกับการอยู่อาศัยร่ วมกันของครอบครัวที่มีสมาชิ กหลายเจนเนอเรชัน ด้วยคอนเซ็ปต์ Timeless Design ทันสมัย แต่คงความสวยงามได้ทุกยุคทุกสมั ย
สภาพแวดล้อมของสังคมเมืองในปั จจุบัน มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ เราต้องเผชิญ วิกฤตมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้ ผู้คนหันมาตื่นตัวเรื่องสุ ขภาพมากขึ้น เราไม่สามารถควบคุมปัจจั ยภายนอกได้ สิ่งที่เราทำได้คือการเลื อกสรรและจัดสรรที่อยู่อาศัยให้ มีคุณภาพและตอบสนองการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศั ย นอกเหนือจากความสวยงามภายนอกแล้ ว เราต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม นวัตกรรมการดีไซน์เพื่อประโยชน์ ใช้สอย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงการใช้ งานจริง บ้านที่มีการออกแบบโดยใส่ใจในทุ กรายละเอียดของการใช้ชีวิ ตและเอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกั บธรรมชาติ จะส่งผลให้เราสามารถดูแลสุ ขภาพและอยู่อาศัยได้อย่างยั่งยื นอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น