กรุงเทพฯ – บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น (“FVC”) ฟอร์มดี โชว์รายได้งวดปี 2566 แตะ 902.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.31% (YoY) และกำไรสุทธิ 98.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.50% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการเติบโตใน 3 กลุ่มธุรกิจ บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผล 0.01 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 9 พ.ค.67 พร้อมอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ลุยธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จำหน่ายอุปกรณ์ ติดตั้งและซ่อมบำรุง โซลูชั่น ระบบผลิตน้ำและพลังงานสะอาด สอดรับด้าน ESG หวังตอบโจทย์ภาครัฐและเอกชน ส่วนปี 2567 เร่งเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง ดันรายได้โต 30%
ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยรวม 28 ล้านคน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 11 ล้านคนในปีก่อนหน้า ภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวลงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเป็นหลัก ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 902.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.16 ล้านบาท หรือ 17.31% (YoY) และกำไรสุทธิที่ 98.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.29 ล้านบาท หรือ 149.50% เมื่อเทียบจาก ปีก่อน จากการเติบโตใน 3 กลุ่มธุรกิจดังนี้
กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ (B1) มีรายได้ 128.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 22.58 ล้านบาท หรือ 21.26% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายปี 2565 ส่งผลให้บริษัทได้งานโครงการและงานบริการซ่อมบำรุงโดยสามารถดำเนินงานได้ตามแผน ซึ่งต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2565 มีงานโครงการที่ติดตั้งดำเนินการแล้วเสร็จและทยอยรับรู้เป็นรายได้ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงบริษัทสามารถขยายส่วนงานของรายได้ไปสู่งานประเภทบริการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) โดยได้สัญญาจากลูกค้ากลุ่มเดิมซึ่งบริษัทเคยทำงานโครงการติดตั้งระบบน้ำให้
กลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย
(B2) มีรายได้ 317.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน
32.26 ล้านบาท หรือ 11.32% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เนื่องจากลูกค้าหลักคือร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม
มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
จากกำลังซื้อของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน
ส่งผลให้รายได้ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องจากงานติดตั้งเครื่องใหม่และงานบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบเก่าเติบโตขึ้น
รวมถึงผู้ประกอบการทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่มกลับมาให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
(Preventive
Maintenance หรือ (PM)) ทำให้รายได้ในส่วนงาน PM
ปี 2566 เพิ่มขึ้น 32.33% เมื่อเทียบกับปีก่อน
กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์
(B3) หรือกลุ่ม KTMS มีรายได้ 456.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.32 ล้านบาท หรือ 20.72%
จากการเติบโตด้านการให้บริการต่างๆของกลุ่ม KTMS เพิ่มขึ้น
อาทิ 1.กลุ่มธุรกิจการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 68.71 ล้านบาท หรือ 24.01%
สาเหตุหลักมาจากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการมากขึ้น และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
2.กลุ่มธุรกิจการให้บริการออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ระบบบำบัดน้ำเสีย
สถานพยาบาล ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการบำรุงรักษาระบบ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน
5.41 ล้านบาท หรือ 7.41% จากรายได้การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 4.46 ล้านบาท หรือ 12.17% จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรายได้จากบริการออกแบบติดตั้งและบริการดูแลบำรุงรักษาระบบน้ำให้บริสุทธิ์
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 2.12 ล้านบาท หรือ 7.31% จากจำนวนงานและมูลค่างานโครงการระบบน้ำที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน,
รายได้จากจัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์สำหรับสถานพยาบาลศูนย์ไตเทียม ลดลงจากปีก่อนจำนวน
1.20 ล้านบาท หรือ 15.65% จากการขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ลดลงจากปีก่อน
3.กลุ่มธุรกิจการให้บริการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง
สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ มีรายได้มีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 4.20
ล้านบาท หรือ 22.18% เนื่องจากงานโครงการติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง
สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ที่ได้รับในปี 2566 มีจำนวนและมูลค่างานมากกว่างานโครงการในปี
2565
ดังนั้นจึงส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ
มีกำไรสุทธิในปี 2566 จำนวน 98.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.29 ล้านบาท หรือ 149.50%
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน ในบริษัท ไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์
จำกัด จำนวนเงิน 67.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
พิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผลงวดปี 2566 (ม.ค.-ธ.ค.) อัตราหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 5.65
ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 10 พฤษภาคม 2567
และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่
30 พฤษภาคม 2567 พร้อมทั้งอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ
บริษัท อินโนวาเทค (เอเชีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ
จำหน่ายอุปกรณ์ ติดตั้งและซ่อมบำรุง โซลูชั่น ระบบผลิตน้ำและพลังงานสะอาด ด้าน ESG
(Environmental, Social, Governance) ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ ที่สนใจเรื่อง ESG หรือได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าไตรมาส 2/2567 จะดำเนินการจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม
สำหรับแผนปี 2567 บริษัทฯ ยังขยายงานต่อเนื่องทั้งใน 3 กลุ่มธุรกิจ
เพื่อให้การเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 30% โดยปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ
(B1) ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว 11 งาน มูลค่ารวม
49.15 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1-2 ปี 2567 ส่วนกลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่อยู่อาศัย
(B2) ปีนี้บริษัทฯ จะโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าร้านอาหารและเครื่องดื่ม
และงานซ่อมบำรุง
ควบคู่กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความต้องการทั้งในตลาดลูกค้ากลุ่มเดิม
และลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามามากขึ้น
และกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์
(B3) ภายใต้การบริหารของ KTMS มี 4
ส่วนด้วยกันคือการมีการขยายฐานการให้บริการเพิ่มขึ้นของ KTMS เอง คาดว่าภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 จะขยายสาขาประมาณ 1 -
2 สาขา และเครื่องไตเทียมประมาณ 6 - 24 เครื่อง ด้าน บริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด มีแผนเปิดสาขา
1 สาขา และซื้อเครื่องไตเทียมภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2567
ประมาณ 8 - 12 เครื่อง บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้องานติดตั้งระบบน้ำจากลูกค้าแล้ว 9 โครงการ
มูลค่ารวม 7.77 ล้านบาท และงานปรับปรุงหน่วยไตเทียม 2 โครงการ มูลค่า 0.69 ล้านบาท
คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 และบริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด
ปัจจุบันมีคำสั่งซื้องานติดตั้งท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์จากลูกค้าแล้ว
7 โครงการ มูลค่ารวม 11.77 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตั้ง คาดว่าจะติดตั้งได้แล้วเสร็จในไตรมาสที่
1 ปี 2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น