คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โชว์ความสำเร็จโครงการความร่วมมือ “ศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงสัตว์น้ำจืดระบบน้ำหมุนเวียน” ห้องเรียนสำหรับนิสิตประมงเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง เกี่ยวกับระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดสมัยใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย ปลอดสาร พัฒนาคนรุ่นใหม่ตอบโจทย์ความต้องการภาคการประมงที่ยั่งยืน ณ อาคารบุญอินทรัมพรรย์ คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน
ผศ.ดร.เมธี แก้วเนิน รองคณบดีฝ่ายบริหารคณะประมง ม.เกษตรฯ กล่าวว่า คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านการประมงน้ำจืดให้ทันสมัยตอบโจทย์กระแสการบริโภคสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือโครงการ “ศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงสัตว์น้ำจืดระบบน้ำหมุนเวียน” กับซีพีเอฟ เปิดโอกาสนิสิตสาขานี้ได้เรียนรู้ระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ควบคู่กับมุมมองเชิงธุรกิจ รวมถึงปลูกฝังความใส่ใจและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟโดยตรง และได้ลงมือปฏิบัติจริง รวมถึงเพิ่มแนวความคิดความเข้าใจในด้านการผลิตสินค้าคุณภาพตามความต้องการของตลาด ทั้งนี้โครงการฯ ยังเป็นโมเดลในการร่วมมือกับซีพีเอฟในการพัฒนาหลักสูตรเรียนรู้ของนิสิตภาควิชาอื่นๆ ในคณะประมง อีกด้วย
“การเลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศไทยมีการพัฒนาการเลี้ยงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย โดยการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ โครงการฯ ช่วยให้นิสิตได้รับการถ่ายทอดความรู้โดยตรงจากองค์กรชั้นนำด้านการเกษตร ช่วยให้นิสิตมีความเข้าใจในการผลิตสินค้าประมงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยจากการใช้ยาและสารเคมี ไม่เพียงเราจะได้พัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ที่เข้าใจการผลิตสินค้าสัตว์น้ำสะอาด ปลอดภัย และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานธุรกิจการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดของไทยตามหลักสากลและส่งผลบวกต่อระบบเศรษฐกิจ” ผศ.ดร.เมธี กล่าว
นายวิโรจน์ ยุทธยงค์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า โครงการความร่วมมือฯ กับ คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ เริ่มดำเนินมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2563 โดยซีพีเอฟนำองค์ความรู้ระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ทันสมัย เรียกว่า CARE Aquaculture Model ซึ่งเป็นระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่เน้นให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหารและการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นระบบที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ด้านการเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ต้องมีความรู้ทางการผลิตควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปต่อยอดในการดำเนินอาชีพของนิสิต ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและมีส่วนช่วยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
"ความสำเร็จของความร่วมมือในครั้
งนี้ ซีพีเอฟจะนำโครงการฯ ไปขยายผลต่อกับนิสิตประมงใน ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยจะพัฒนาห้องเรียนการเพาะเลี้
ยงสัตว์น้ำจืดให้นิสิตได้เรี
ยนรู้ระบบ CARE Aquaculture Model อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงผลักดันให้นิสิตมีส่วนร่
วมกับการพัฒนาระบบการเลี้ยงสั
ตว์น้ำจืดให้ทันสมั
ยและเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
มากขึ้น" นายวิโรจน์ กล่าว
ด้าน
นายรชต ทองสุวรรณ์ อายุ 21 ปี นิสิตภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์ ชั้นปีที่ 3 คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การที่มีโครงการฯ นี้ในหลักสูตรถือเป็นประโยชน์กั
บนิสิตอย่างมาก เพราะได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎี
และลงมือปฏิบัติจริงควบคู่กัน รวมถึงฝึกทักษะหลายๆ ด้าน อาทิ ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกับผู้อื่น ไม่เพียงแค่เพื่อนร่วมภาควิ
ชาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาควิชาอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งความรู้ที่ได้รับจากตรงนี้ อนาคตจะนำไปประยุกต์กับธุรกิ
จของที่บ้าน เพื่อส่งเสริมให้การเลี้ยงปลาน้ำ
จืดดีขึ้น มีระบบน้ำหมุนเวียนที่ไว้ใช้ได้
ตลอดทั้งปี และจะส่งต่อข้อมูลไปยั
งเกษตรกรในพื้นที่ที่สนใจ เพราะเป็นระบบที่จะช่วยให้
เกษตรกรรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้
อมได้ดี
สำหรับโครงการความร่วมมือ
“ศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงสั
ตว์น้ำจืดระบบน้ำหมุนเวียน
” ซีพีเอฟได้นำระบบการเลี้ยง ที่เรียกว่า CARE Aquaculture Model หรือ CARE เป็นกระบวนการผลิตที่ใช้ระบบน้ำ
หมุนเวียนที่มีการบำบัดและนำกลั
บมาใช้ใหม่ (Recycle) ทำให้ประหยัดการใช้น้ำเป็นมิ
ตรกับสิ่งแวดล้อม และยังออกแบบฟาร์มให้ประหยัดพลั
งงาน โดยนำหลักการ Gravity Flow มาใช้ ลดการใช้ยาและสารเคมี ที่สำคัญยังสามารถตรวจสอบย้
อนกลับได้ ประกอบกับในอนาคตจะมีการใช้พลั
งงานโซล่าเซลส์มาร่
วมในออกแบบฟาร์ม มีการบริการจัดการง่
ายโดยการนำระบบอัติโนมัติต่างๆ มาใช้ อาทิ การเปิด-ปิดเครื่องให้
อาหารและเครื่องให้อากาศได้
จากทางโทรศัพท์ เหมาะกับเกษตรกรรุ่นใหม่ ซึ่งจะมาช่วยพัฒนาและยกระดับธุ
รกิจการเลี้ยงสัตว์น้ำ
ภายในประเทศ./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น